1Feb2010 ทำงานวันแรก?
ทุ่มครึ่ง วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat
(..เดือนใหม่แล้วเหรอเนี่ย!!!...)
Bang! Bang! Bang!...
ในหัวมันตูมตามไปหมด..วันนี้ไปทำงานวันแรก..อุดมไปด้วยข้อมูลใหม่ๆ และที่สำคัญ..เหมือนเปิดสวิตช์ "ภาษาอังกฤษ" ขึ้นใหม่..เพราะนับตั้งแต่สองปีที่แล้วจนถึงวันนี้ "ฝรั่ง"รอบตัวส่วนใหญ่ก็มีแต่เทรฟ-สามีสุดที่รัก วันๆ ก็คุยกันอยู่สองคน มาวันนี้รอบตัวมีแต่คนอังกฤษ (เหมือนเดิม) แต่มัน "เพิ่มจำนวนขึ้น" อ่ะ
สองชั่วโมงแรกของการทำงาน..จริงๆต้องบอกว่าเป็นการฝึกอบรม-training เชนนั่งคุยกับเราเรื่องข้อมูลและเอกสารเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นความรู้เกี่ยวกับบริษัท ระเบียบบริษัท กฎหมาย เรื่องความปลอดภัย การป้องกันเพลิงไหม้ สารเคมี ฯลฯ เอกสารพวกนี้ผู้จัดการต้องแจ้งพนักงานใหม่ให้ทราบอย่างเป็นทางการพร้อมกับเซ็นเอกสารกำกับว่าพนักงานรับรู้แล้ว เก็บก็อปปี้นึงไว้กับตัว อีกอันเก็บไว้ที่ฝ่ายบุคคลเป็นหลักฐาน
เชนพูด พูด แล้วก็พูด (เกือบไม่หยุด) เรานึกสงสัยและแอบภูมิใจว่า..เอ่อ เนอะ เขาพูดแบบไม่คิดว่าเราเป็นต่างชาติเลยเว้ย เรียกได้ว่า..ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดีนี่คงได้นั่งมึนไปเลย..เอ่อ ไม่ได้จะบอกว่าภาษาอังกฤษเราดี แต่แค่จะบอกว่า..โชคดีไปว่าภาษาอังกฤษไม่มีปัญหา..(เพื่อนคนไทย)หลายคนชอบสงสัยว่า ทำไมนักเรียนไทยถึงทำแต่งานเสิร์ฟหรือล้างจานในร้านอาหารไทย..มันก็..ด้วยเหตุผลนี้แหละ
หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องเอกสาร (รอบแรก..มั่นใจว่าต้องมีมาอีกเพียบ แต่ไม่ใช่วันนี้) เชนก็ปล่อยไปตามยถากรรม..ม่ายช่ายยย..ปล่อยให้ "ดูงาน"ส่วนต่างๆ ไปตามเรื่อง..ยัง ยังไม่ปล่อยกลับบ้าน เราไปแอบดูเขาทำงานหลังเคาน์เตอร์ ซึ่งจริงๆ ร้านก็เหมือนร้านขายขนมปังขนาดเล็กๆ มีชั้นวาง baguette และขนมอบสารพัดไว้ให้ลูกค้าเลือก มีเครื่องทำกาแฟและตู้แช่เครื่องดื่มอยู่ด้านหลัง มีเครื่องคิดเงินสองเครื่องซ้ายขวาริมสุดของเคาน์เตอร์ พนักงาน (Team member) มีหน้าที่เสิร์ฟหรือขายของหน้าร้าน พอลูกค้าสั่งอะไรก็หยิบใส่ถุง ถ้าสั่งเครื่องดื่มร้อนก็ทำไปทีละแก้ว ไม่ได้มีคนทำกาแฟต่างหากเหมือนที่สตาร์บัคส์ เพื่อนร่วมงานสองคนแรกที่เราเจอคือ เวนกับลอร่า..(จริงๆ ต้องบอกว่าคุยด้วย เพราะรู้จักคนอื่นก่อนหน้านี้แต่ไม่มีโอกาสคุย) ลอร่า..สาวน้อยวัยรุ่น(ตอนปลาย)ที่หน้าตาไม่รับแขกและดูเหมือนไม่ตื่นตลอดเวลา..เธอรับลูกค้าแบบหน้าตาบอกบุญไม่รับ (ทำเอานึกถึงคำพูดเทรฟที่ว่า..ถ้าคนพวกนี้ทำงานได้..โปร่งก็ต้องได้งาน ไม่มีปัญหาเลย เอิ๊ก..ไงล่ะ สามีฉัน..ปากจัดใช่ย่อย) เห็นแล้วสงสารลูกค้า..อิอิ ส่วนอีกคนเป็นคุณป้าอายุน่าจะมากกว่าห้าสิบ..เวน..ก็โอเค ทำงานไปเรื่อยๆ อธิบายเราหลายอย่างดี..ดูเธอไม่มายด์ที่จะตอบคำถามสารพัดที่เราพุ่งใส่..อิอิ
..ข้อดีของการขาย บ่ะ-เก็ท (Baguette)..(ออกเสียงอย่างที่เขียนนะคะ ลงเสียงหนัก(stress) ที่พยางค์หลัง..อิอิ ถามสามีมาเพราะตัวเองก็ออกเสียงไม่ถูกเหมือนกัน..ไม่ใช่ แบ็กเก็จ เพราะถ้าออกเสียงแบบนี้จะกลายเป็น baggage แปลว่าสัมภาระหรือพวกกระเป๋า อ่อ..คำหลังนี้สามารถแปลว่า trouble หรือปัญหาได้ด้วย..เอ่อ..อันนี้สามีแถมให้..แหะ แหะ ชั่วโมงภาษาอังกฤษอีกแล้ว) เอ้า ๆ เข้าเรื่อง..ข้อดีของ baguette ก็คือเราเห็นว่าไส้มันเป็นอะไร ก็เลยดูไม่ยากว่าลูกค้าหมายถึงอันไหนเป็นอันไหน (ไม่เหมือนตอนขายมัฟฟินที่สตาร์บัคส์วันแรกๆ งมอยู่ตั้งนานว่าอันไหนเป็นอันไหน..เฮ้อ)
บ่ะเก็ท-Baguette (แหะ แหะ เขียนเป็นภาษาอังกฤษดีกว่าเนอะ ดูดีกว่าเยอะ ไม่งั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนมะตะบ่ะไงไม่รู้อ่ะ) หรือขนมปังโรลแบบแท่งยาว (นึกไม่ออกก็นึกถึงขนมปังฝรั่งเศสอันยาวๆ ตามแผนกขนมปังในห้าง..ซึ่งเทรฟบอกว่าอันนั้นเขาเรียก French Stick ไม่ใช่เรียกขนมปังฝรั่งเศส (French Bread) แบบที่เราเรียกกัน เพราะจริงๆ ขนมปังฝรั่งเศสมันมีหลายแบบ และ Baguette ก็เป็นหนึ่งในนั้น..เอาเป็นว่า มันยาวๆ คล้ายขนมปังฝรั่งเศสที่คนไทยเรียก แต่มันเล็กและสั้นกว่า..เฮ้อ..เหนื่อย) อ่ะนะ เราขาย freshly made baguette หมายถึง baguette ที่ทำกันสดๆ ใหม่ ๆ (ใหม่มากๆ เพราะทำกันหลังร้านนั่นเอง อิอิ) นอกจาก baguette เราก็มี roll หรือ baguette ขนาดเล็ก อิอิ ทั้งหมดนั่นก็มีสารพัดไส้ ได้แก่ ไข่ ไข่กวน มะเขือเทศ ชีส basil (หรือใบกระเพรา-เราอยากเรียกมันว่าใบแมงลักเพราะมันไม่เผ็ดเท่ากระเพราบ้านเรา) เบคอน บรี (ชีสชนิดหนึ่ง) แฮม ฯลฯ สารพัดจะทำขาย..ขายดีซะด้วยดิ..อยากจะบอกว่า..หลังจากรู้ว่าเขาทำยังไงแล้ว..ไม่คิดจะซื้อกินอีกเลย เอ่อ ไม่ได้แปลว่ามันซกมกตอนทำ แต่มันทำง่ายยยยยมากกกก..ซะจน..ตรูจะไปเสียเงินซื้อทำไมเนี่ย มีอะไรๆ ก็ยัดๆ มันเข้าไประหว่างขนมปังก็เสร็จแล้ว..ไม่อยากจะบอกว่าราคามันไม่ถูกนะ คิดเป็นเงินไทยอันนึงก็หลายร้อยบาท (สามถึงห้าปอนด์ต่ออัน)
อ่ะๆ เอาเป็นว่าวันนี้ทั้งวันถ้าไม่วนเวียนอยู่หลังเคาน์เตอร์ช่วยเขาทำกาแฟก็ไปแอบดูเขาทำแซนวิชกับ baguette ที่หลังร้าน พอบ่ายโมงก็ได้เวลากลับบ้าน..
เอาเป็นว่า วันแรกของการทำงานก็ไม่เลวเท่าไหร่ ยิ่งถ้านับว่ามันใกล้บ้านขนาดเดินได้ (ราวยี่สิบนาทีแบบเดินเรื่อยๆ) หรือปั่นจักรยานแค่สิบนาที กับมีอาหารกลางวันกินฟรี เครื่องดื่มฟรี..เรียกได้ว่า วันๆ แทบไม่ต้องใช้เงิน..ก็ยิ่งดีใหญ่..ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไป ไว้มารอดูกัน..เพราะพรุ่งนี้เข้างานตีห้า!
ไปนอนก่อนละน้า