ว่าแล้วก็ลงตอนใหม่ล่าสุด
เกือบสิบเอ็ดโมงแล้ว วันอังคารที่ 15 ธันวาคม 2009 โห ..อีกไม่กี่วันก็คริสตมาสแล้วนี่หว่า
วันนี้่ตื่นสายเพราะเหนื่อยเหลือใจจากเมื่อวาน
เมื่อวานหลังจากนั่งเบื่อๆ บ่นกะเจ้าอรอยู่หยกๆ ว่า เบื่ออยู่บ้านเฝ้าจอคอมฯแล้ว เทรฟก็โทรมาชวนให้ออกไปดูบ้านด้วยกัน เราดีใจลิงโลด บอกเทรฟไปว่าไม่ต้องเป็นห่วง เดี๋ยวเราหาทางนั่งรถเมล์ไปหาเทรฟจนได้เอง (แน๊..ทำเก่ง)
เราไปถึงแถวออฟฟิศเทรฟตามนัด แวะเข้าไปคุยกับเอเจนท์แรกคอนแนลล์ (Connells) เพราะเดินผ่านออฟฟิศเขา กะจะขอนัดดูบ้านที่เจอในเน็ต (เอ่อ ซื้อขายบ้านที่นี่ส่วนใหญ่ผ่านเอเจนท์ค่ะ) การณ์ปรากฎว่า เราต้องลงทะเบียนกันใหม่ (อันนี้ไม่ผิดคาด เพราะต้องทำอย่างนี้กับทุกเอเจนท์...คือใครจะขายบ้านเขาก็จะเลือกเอเจนท์ให้เป็นจัดการ ฉะนั้นก็แปลว่าใครพอใจจะให้ใครดูแลเขาก็เลือกเจ้านั้น ฉะนั้นยิ่งเราคุยกับเอเจนท์หลายรายเท่าไหร่ ตัวเลือกเราก็มากขึ้นเท่านั้น) โจแอนน์ (Joanne) ซักประวัติกับความต้องการเราเล็กน้อย ก่อนส่งใบรายละเอียดของบ้านแต่ละหลังที่น่าจะเข้าข่ายให้เราดู เทรฟต้องรีบบอกไปว่า ทีแรกกะจะมาคุยแค่บ้านหลังเดียวที่เลือกไว้แล้ว เพราะต้องรีบไปคุยกับอีกเอเจนท์นึงตอนเที่ยงครึ่ง (เราเข้าไปที่นี่ตอนเที่ยงตรง) เพราะฉะนั้นไม่มีเวลาคุยรายละเอียดขนาดนั้น โจแอนน์เลยตะลุยแบบด่วนกับบ้านหนึ่งปึกตรงหน้า เราฟังไปพยักหน้าหงึกๆ ไป บ้านส่วนใหญ่ที่เขาเลือกมา เราเห็นรายละเอียดมาบ้างแล้ว แต่ยังไม่เคยฟังรายละเอียดจากปากเจ้าของพื้นที่ เราออกจากที่นั่นพร้อมนัดคุยกับเจ้าหน้าที่สินเชื่อของเอเจนท์วันจันทร์หน้า (คือจริงๆ แล้ว กระบวนการก็คือ เราควรจะรู้ก่อนว่าเรากู้ได้เท่าไหร่ แล้วค่อยหาบ้านที่อยู่ในงบที่มี แต่เราทำกลับกันคือ ดูบ้านก่อน แล้วค่อยมาดูเรื่องเงิน..เลยไม่รู้ว่ามันจะลงเอยยังไง?)
จากนั้นเรากับเทรฟก็รีบขับรถไปอีกเอเจนท์นึง เทย์เลอร์ (Taylors) ที่นี่เทรฟลงทะเบียนไว้ก่อนหน้าแล้ว เพียงแต่ต้องมาจัดการเอกสารนิดหน่อยก่อนที่ีจะขอนัดดูบ้านหลังถัดๆไปได้ เพราะรายละเอียดเกี่ยวกับตัวเรามีผลกับวงเงินกู้..ก็นะ สถานภาพสมรสเปลี่ยน แถมเราก็ไม่มีรายได้...จ๊าก..มันพันกันไปหมดเช่นนี้แล
เรานั่งคุยกับเขาเรื่องเงินกู้แป๊บนึงก็ออกไปดูบ้านหลังที่สอง (หลักแรกดูไปเมื่อวันเสาร์ที่ผ่าน บ้านโอเค แต่ไม่ชอบทำเล แถมแพงเกินไป ก็เลย ..ตกไป) ที่ล็อกลีซ (Lockleaze) เราไม่รู้จักพื้นที่นี้ ก็ถือเป็นโอกาสดีที่ได้ไป ไปถึงแล้ว บ้านหลังเล็กนิดเดียว มองจากภายนอกไม่น่าสนใจ (ดูจากเว็บไซต์) แต่พอเข้าไปในบ้านก็โอเค ที่สำคัญถูกกว่าหลังแรกที่ดูมากมาย มันก็เลยน่าสนใจกว่า บ้านนี้ต้องทำความสะอาด ปรับปรุงและตกแต่งใหม่อีกพอสมควร ทำให้เราต้องกลับมาคิดอีกว่า ซื้อบ้านถูกแล้วต้องปรับปรุง งบที่เพิ่มขึ้นมานี้จะคุ้มกันไหม
ออกจากดูบ้าน เทรฟต้องรีบกลับไปทำงาน จากเดิมที่ว่าจะขับรถไปส่งเราที่บ้าน ก็กลายเป็นว่าเราต้องนั่งรถเมล์กลับเอง..ปัญหามันอยู่ที่ ไอ้สายรถเมล์เจ้ากรรมนั่นมีแค่ชั่วโมงละเที่ยวเดียว และเที่ยวถัดไปก็จะถึงในอีกสิบนาทีข้างหน้า..ความเข้าใจของเราสองคนก็คือ ถ้าลงรถเมล์ตรงไหน แล้วอยากกลับบ้าน ก็แค่นั่งฝั่งตรงข้ามกับป้ายที่ลง มันก็ควรพาเรากลับบ้านใช่ไหม แต่ปัญหาก็คือ ไอ้ป้ายฝั่งตรงข้ามมันไม่มี และป้ายที่ใกล้ที่สุดก็ดูท่าทางว่า ไม่น่าจะมีรถเมล์มาจอด เราตัดสินใจเข้าไปถามคนขายของแถวนั้น เพราะเวลางวดเข้ามาแล้ว ผลก็คือเขาบอกให้เราเดินไปขึ้นอีกทีนึงจะใกล้กับที่รถเมล์วิ่งมามากกว่า (น่าจะหมายความว่า รถเมล์มันคงจะผ่านป้ายนั้นก่อนหรืออะไรนี่แหละ) ปัญหาที่ตามมาคือ เราไม่รู้จักพื้นที่แถวนั้น และป้ายรถเมล์ที่นี่ก็ไม่ใช่ห่างกันแค่มองเห็นได้ มันต้องเดิน เดิน และเดิน เราวิ่งวนกลับไปกลับมา เพราะไม่แน่ใจว่าป้ายไหนเป็นป้ายไหน ผลก็คือเราไปถึงก่อนเวลารถเมล์มาหนึ่งนาที (ตามที่เขียนไว้ในผังเวลารถเมล์ในมือ) แต่ทำไมรถเมล์มันไม่มา เอ๊ะ หรือมันไปก่อนหน้านั้นแล้ว เราเริ่มไม่แน่ใจ แล้วจะให้นั่งรถอยู่ที่ป้ายรถเมล์ตรงนี้ภายใต้อุณหภูมิ 5 องศาเนี่ยนะ เราไม่อยู่หรอก เราโทรบอกเทรฟว่า เราไม่กลับบ้านแล้วนะ เพราะไม่รู้รถเมล์มันอยู่ไหน เราจะนั่งอีกสายที่มันผ่านตรงนี้ไปช็อปปิ้งล่ะ ทั้งเพื่อลองนั่งรถเล่นแล้วก็จะไปซื้อของตามตั้งใจด้วย (คิดดูแล้วกัน แค่อยากได้นิตยสารซักเล่มสองเล่ม ต้องนั่งรถเมล์ไปยี่สิบนาที เพราะแถวบ้านไม่มีขาย..กรรมจริงๆ) เทรฟไม่ว่าอะไรบอกแต่ว่า ถ้าไปแล้วกลับไม่ถูกหรือหลงทางก็ให้โทรบอกจะได้ตามไปเก็บ
เราออกแนวตื่นเต้นเล็กน้อย แต่บอกตัวเองว่าตอนไม่มีสามีก็ยังผจญภัยไปไหนต่อไหนด้วยตัวเองได้ ฉะนั้นหนนี้มันต้องรอด
เราไปถึงคริบส์คอร์สเวย์ (Cribbs Courseway) แหล่งช็อปปิ้งที่ใกล้ที่สุดที่เดียวที่มีร้านหน้งสือ (ห่างจากบ้านขับรถยี่สิบนาที) เราตั้งใจว่าจะซื้อนิตยสาร เสื้อกันหนาวและรองเท้าเต้นรำ นิตยสารซื้อได้แล้ว ..ฮ้า..สองเล่มเกือบสิบปอนด์ (ห้าร้อยกว่าบาท) ฮือๆๆ ถ้ามันไม่มีประโยชน์ดังตั้งใจ จะโดนเทรฟว่าไหมเนี่ย (แต่ก็นะ ถ้าไม่ซื้อไปอ่านจะรู้ไหมว่ามันดีหรือไม่ดี) อ้อ ลืมบอกไปมันเป็นนิตยสารเกี่ยวกับเงินกู้ซื้อบ้านนะ ไม่ใช่แฟชั่น นิตยสารที่นี่มีให้เลือกเป็นร้อยๆ หัว ตั้งแต่เรื่องดารา แฟชั่น แต่งตัว แต่งหน้า ทำผม แต่งบ้าน ทำสวน แข่งรถ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ ตกปลา เล่นสกี แข่งหมา เลี้ยงสัตว์ ธุรกิจ เงินลงทุน เงินกู้ ข่าวต่างประเทศ วิทยาศาสตร์ จิตวิทยา ฯลฯ เรียกว่าเลือกกันได้ตามความสนใจที่เฉพาะเจาะจงลงไป และแน่นอนว่าไอ้นิตยสารที่เราจะเอามันก็คงไม่ได้มีคนอ่านเยอะขนาดเท่ากับเข่าวซุปซิบดารามันก็เลยไม่มีขายในห้างแถวบ้าน ตั้งใจไว้ว่า ถ้ามันดีจะสมัครสมาชิกแล้ว จะได้ไม่ต้องไปตามซื้อ
ออกจากห้างฯมาพร้อมเสื้อกันหนาวอีกสองตัวกะเสื้ออีกสองตัว สี่โมงนิดๆ ลืมไปเลยว่ามันกำลังจะมืดแล้ว..ทางก็ไม่คุ้น แถมรถเมล์สายเจ้ากรรมที่วิ่งผ่านบ้านก็ไม่มี ต้องนั่งสายใกล้เคียงที่ไปลงห่างบ้านออกไป แล้วเดินกลับบ้านเอา เอาวะ ในเมื่อมันไม่มีทางเลือกอื่น ก็ต้องลุยไป อ้อ เทรฟโทรมาถามด้วยว่าโอเคหรือเปล่า เราว่า น่าจะนะ ถ้าไม่รอดยังไงจะโทรให้ไปรับกลางทาง จริงๆ ระยะทางทั้งหมดมันไม่ไกลหรอก เพียงแต่ว่าเราไม่รู้จักทาง ไม่รู้จักพื้นที่ มันก็อาจหลุดไปอยู่ตรงไหนก็ได้ แต่เวลาหลงท่ามกลางความมืดกับอากาศหนาวน่ะ มันไม่สนุกหรอกนะ
เรานั่งรถเมล์ไปก็กางแผนที่ในมือและนับสายรถเมล์กับมองหาป้ายชื่อถนนข้างทางไปให้วุ่น เช็คให้แน่ใจว่าเราเข้าใจตรงกับความเป็นจริง โชคดีหน่อยที่แผนที่ที่นี่ค่อนข้างดี ละเอียด และแม่นยำ ก็อาศัยนับจำนวนวงเวียน (แยก..คือสี่แยกที่นี่ทุกแห่ง..ไม่ว่าเล็กหรือใหญ่..ทำเป็นวงเวียนมากกว่าที่จะใช้ไฟจราจร) ในที่สุดเราก็ลงตรงกับป้ายที่ตั้งใจ และนั่นหมายถึงต้องเดินกลับบ้านเป็นระยะทางไกลอยู่..ในเมื่อไม่มีทางเลือกอื่น เราก็กางแผนที่แล้วก็เดินต่อไป..อากาศไม่เกินห้าองศาแน่ๆ เริ่มเหนื่อยแล้วด้วย อยู่ตรงไหนของแถวบ้านก็ไม่รู้ ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า ชื่อถนนมันคุ้นๆ คงใช้เวลาไม่นานหรอก เดี๋ยวก็ถึงบ้าน โชคดีที่ใส่เสื้อผ้ามาค่อนข้างหนา แม้ว่าจะไม่มีถุงมือกับหมวก (เอาวะ..หวังว่าคงไม่ป่วยไปซะก่อน) อากาศมืดและเย็นลงเรื่อยๆ เราหายใจเหนื่อย เพราะสู้กับอากาศเย็นเยียบ มือข้างที่ถือถุงใส่ของต้องหมั่นคอยสลับข้าง เพราะมันเย็นจนชาไร้ความรู้สึก จากที่คิดจะถือถุงข้างนึง แผนที่ข้างนึง ก็ทำไม่ได้ ต้องใช้วิธีจำแผนที่เอา แล้วยัดใส่ถุง เอาถุงคล้องแขนไว้ มืองสองข้างจะได้ซุกในกระเป๋าเสื้อโค้ทได้..ก็อด...มันหนาวมากๆ เราเดิน เดิน และเดิน ใกล้ถึงบ้านแล้ว ใกล้ถึงบ้านแล้ว เราบอกตัวเอง
และในที่สุดเราก็ใช้เวลาเดินเกือบครึ่ังชั่วโมงกว่าจะถึงบ้าน โอย..เกือบจะสลบไปในทันทีที่ถึงบ้าน กลางวันทั้งวันเรากินแค่แซนวิชคู่เดียว กับแอปเปิ้ลหนึ่งผล ถึงบ้านก็เลยหิวจับใจ โชคดีเทรฟมาถึงหลังเราแค่ห้านาที เราเร่งให้เทรฟทำกับข้าวยิก เพราะถ้าช้ากว่านี้ เราจะทำอาหารไทยกินล่ะนะ เทรฟเลยรุดเข้ามาเตรียมกับข้าวก่อนที่จะเปลี่ยนชุดซะอีก (เทรฟน่ะเขาไม่หิวหรอก เพราะปกติก็กินมืดกว่านี้ แต่เราปกติมีมื้อบ่ายไว้รองท้องด้วย แต่วันนี้ไม่ได้กิน) เทรฟว่าจะทำเชฟเพิร์ดพายให้กิน (Sheppard pie) ก็ไอ้เนื้อบดโปะด้วยมันบดกับชีสข้างบนแล้วเอาเข้าไปกิล (grill) ให้ชีสมันสุกเหลืองทอง เทรฟทำผักต้มให้กินคู่กันด้วยเพื่อเพิ่มสารอาหาร เราซัดอาหารเย็นอย่างรวดเร็ว แล้วก็นั่งหมดแรงอยู่หน้าทีวีนั่นแหละ ในขณะที่เทรฟเริ่มเอางานมาร่ายตรงหน้า (งานที่ว่าก็เรื่องซื้อบ้านนั่นแหละ เพราะฉะนัั้นสองคนต้องคุยกัน)
เราแลกเปลี่ยนไอเดียกัน แต่แย่ตรงที่เราเหนื่อยมากๆ หมดแรง แถมต้องมาคิดเรื่องเครียดๆ ที่ท่าทางจะไม่ลงตัวกันง่ายๆ เราก็เลยพาลหงุดหงิดเทรฟ (อีกแล้ว) เราคุยกับเทรฟถึงความคิดเรา ในขณะที่เทรฟไม่ค่อยจะซื้อไอเดียเท่าไหร่ ไปๆมาๆ เทรฟก็คิดว่าเราโกรธเทรฟ เราว่า เราไม่ได้โกรธแต่เหนื่อยมากๆ หนาวด้วย (เทรฟเริ่มกังวลว่าเราจะไม่สบาย เพราะเราหนาวทั้งๆที่เราใส่เสื้อผ้าหนากว่า ห่มผ้าด้วย แถมยังเปิดฮีตเตอร์ตั้งสองตัว (Heater)
ในที่สุดอาการหนาวสั่นของเราก็ดีขึ้น เราคุยกันในรายละเอียดเรื่องบ้านมากขึ้นเรื่อยๆ มีบ้านอีกหลายหลังที่เราต้องการนัดไปดูบ้าน เราถกกันเรื่องงบที่มี และเงินที่จะต้องผ่อนบ้าน (มันรวมไปถึงโอกาสเรื่องงานของเราและเงินเดือนเราด้วย) เราคุยกันเยอะมากจนสี่ทุ่มกว่า เรื่องบ้านที่จะนัดดูจบไป เหลืออีกหนึ่งเรื่องใหญ่ที่ต้องคุยกันก่อนนัดกับเอเจนท์วันจันทร์หน้าก็คือ เรื่องเงินกู้ (อ้อ เทรฟบอกว่าเรื่องนัดดูบ้านถือเป็นส่วนที่ง่ายที่สุดของกระบวนการซื้อบ้านที่นี่)
เงินกู้ที่นี่มีร้อยแปดพันแบบ ไม่ง่ายเหมือนเมืองไทยที่บอกว่าจะกู้ซื้อบ้าน ก็แค่จะรู้ว่าดอกเบี้ยเท่าไหร่ ผ่อนเดือนละเท่าไหร่ (ตามความเข้าใจของเรา) เพราะรูปแบบที่นี่เยอะแยะ คนให้กู้ก็ไม่ใช่มีแค่ธนาคาร มันมีทั้งสมาคมอสังหาริมทรัพย์ ห้างสรรพสินค้า เอเจนท์บ้านเอง หรือแม้แต่ผู้ให้กู้รายย่อย
คืนนั้นหลังอาบน้ำเรากางนิตยสารทุกเล่มที่เรามีเรียนรู้เรื่องเงินกู้ไปพร้อมๆ กับเทรฟ เราตกลงใจเลือกประเภทเงินกู้อย่างหยาบๆ และประเภทดอกเบี้ย (ที่มีให้เลือกมากกว่าหนึ่ง) แล้วก็บอกตัวเองว่า ต้องตั้งหลักให้ดีเวลาไปคุยกับเอเจนท์ ต้องไม่ไปหลงคารมเขาจนเสียจุดยืนตัวเอง
เฮ้อ..นี่แค่เพิ่งเริ่มต้นเองนะ เราก็รู้สึกว่าเราเถียงกับเทรฟบ่อยกว่าที่เคย ไม่ต้องคิดถึงเลยว่า ถ้าหากเกิดมีลูกขึ้นมา งานก็ยังไม่มีทำ (และก็ยังทำไม่ได้เพราะต้องเลี้ยงลูกอยู่บ้าน) เราจะยิ่งเครียดและทะเลาะกันหนักขนาดไหน ...บรื๊อออ..คิดแล้วสยองจริงๆ เลย..
ก็บอกแล้วว่า..ใช้ชีวิตที่นี่ไม่ได้ง่ายอย่างที่คิด..