ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

รวมกิจกรรม ความเคลื่อนไหว พาเที่ยว เกมส์

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » ศุกร์ ก.พ. 05, 2010 11:49 pm

1Feb2010 ทำงานวันแรก?

ทุ่มครึ่ง วันจันทร์ที่ 1 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


(..เดือนใหม่แล้วเหรอเนี่ย!!!...)


Bang! Bang! Bang!...


ในหัวมันตูมตามไปหมด..วันนี้ไปทำงานวันแรก..อุดมไปด้วยข้อมูลใหม่ๆ และที่สำคัญ..เหมือนเปิดสวิตช์ "ภาษาอังกฤษ" ขึ้นใหม่..เพราะนับตั้งแต่สองปีที่แล้วจนถึงวันนี้ "ฝรั่ง"รอบตัวส่วนใหญ่ก็มีแต่เทรฟ-สามีสุดที่รัก วันๆ ก็คุยกันอยู่สองคน มาวันนี้รอบตัวมีแต่คนอังกฤษ (เหมือนเดิม) แต่มัน "เพิ่มจำนวนขึ้น" อ่ะ


สองชั่วโมงแรกของการทำงาน..จริงๆต้องบอกว่าเป็นการฝึกอบรม-training เชนนั่งคุยกับเราเรื่องข้อมูลและเอกสารเต็มไปหมด ส่วนใหญ่ก็เป็นความรู้เกี่ยวกับบริษัท ระเบียบบริษัท กฎหมาย เรื่องความปลอดภัย การป้องกันเพลิงไหม้ สารเคมี ฯลฯ เอกสารพวกนี้ผู้จัดการต้องแจ้งพนักงานใหม่ให้ทราบอย่างเป็นทางการพร้อมกับเซ็นเอกสารกำกับว่าพนักงานรับรู้แล้ว เก็บก็อปปี้นึงไว้กับตัว อีกอันเก็บไว้ที่ฝ่ายบุคคลเป็นหลักฐาน


เชนพูด พูด แล้วก็พูด (เกือบไม่หยุด) เรานึกสงสัยและแอบภูมิใจว่า..เอ่อ เนอะ เขาพูดแบบไม่คิดว่าเราเป็นต่างชาติเลยเว้ย เรียกได้ว่า..ถ้าภาษาอังกฤษไม่ดีนี่คงได้นั่งมึนไปเลย..เอ่อ ไม่ได้จะบอกว่าภาษาอังกฤษเราดี แต่แค่จะบอกว่า..โชคดีไปว่าภาษาอังกฤษไม่มีปัญหา..(เพื่อนคนไทย)หลายคนชอบสงสัยว่า ทำไมนักเรียนไทยถึงทำแต่งานเสิร์ฟหรือล้างจานในร้านอาหารไทย..มันก็..ด้วยเหตุผลนี้แหละ


หลังจากเสร็จสิ้นเรื่องเอกสาร (รอบแรก..มั่นใจว่าต้องมีมาอีกเพียบ แต่ไม่ใช่วันนี้) เชนก็ปล่อยไปตามยถากรรม..ม่ายช่ายยย..ปล่อยให้ "ดูงาน"ส่วนต่างๆ ไปตามเรื่อง..ยัง ยังไม่ปล่อยกลับบ้าน เราไปแอบดูเขาทำงานหลังเคาน์เตอร์ ซึ่งจริงๆ ร้านก็เหมือนร้านขายขนมปังขนาดเล็กๆ มีชั้นวาง baguette และขนมอบสารพัดไว้ให้ลูกค้าเลือก มีเครื่องทำกาแฟและตู้แช่เครื่องดื่มอยู่ด้านหลัง มีเครื่องคิดเงินสองเครื่องซ้ายขวาริมสุดของเคาน์เตอร์ พนักงาน (Team member) มีหน้าที่เสิร์ฟหรือขายของหน้าร้าน พอลูกค้าสั่งอะไรก็หยิบใส่ถุง ถ้าสั่งเครื่องดื่มร้อนก็ทำไปทีละแก้ว ไม่ได้มีคนทำกาแฟต่างหากเหมือนที่สตาร์บัคส์ เพื่อนร่วมงานสองคนแรกที่เราเจอคือ เวนกับลอร่า..(จริงๆ ต้องบอกว่าคุยด้วย เพราะรู้จักคนอื่นก่อนหน้านี้แต่ไม่มีโอกาสคุย) ลอร่า..สาวน้อยวัยรุ่น(ตอนปลาย)ที่หน้าตาไม่รับแขกและดูเหมือนไม่ตื่นตลอดเวลา..เธอรับลูกค้าแบบหน้าตาบอกบุญไม่รับ (ทำเอานึกถึงคำพูดเทรฟที่ว่า..ถ้าคนพวกนี้ทำงานได้..โปร่งก็ต้องได้งาน ไม่มีปัญหาเลย เอิ๊ก..ไงล่ะ สามีฉัน..ปากจัดใช่ย่อย) เห็นแล้วสงสารลูกค้า..อิอิ ส่วนอีกคนเป็นคุณป้าอายุน่าจะมากกว่าห้าสิบ..เวน..ก็โอเค ทำงานไปเรื่อยๆ อธิบายเราหลายอย่างดี..ดูเธอไม่มายด์ที่จะตอบคำถามสารพัดที่เราพุ่งใส่..อิอิ


..ข้อดีของการขาย บ่ะ-เก็ท (Baguette)..(ออกเสียงอย่างที่เขียนนะคะ ลงเสียงหนัก(stress) ที่พยางค์หลัง..อิอิ ถามสามีมาเพราะตัวเองก็ออกเสียงไม่ถูกเหมือนกัน..ไม่ใช่ แบ็กเก็จ เพราะถ้าออกเสียงแบบนี้จะกลายเป็น baggage แปลว่าสัมภาระหรือพวกกระเป๋า อ่อ..คำหลังนี้สามารถแปลว่า trouble หรือปัญหาได้ด้วย..เอ่อ..อันนี้สามีแถมให้..แหะ แหะ ชั่วโมงภาษาอังกฤษอีกแล้ว) เอ้า ๆ เข้าเรื่อง..ข้อดีของ baguette ก็คือเราเห็นว่าไส้มันเป็นอะไร ก็เลยดูไม่ยากว่าลูกค้าหมายถึงอันไหนเป็นอันไหน (ไม่เหมือนตอนขายมัฟฟินที่สตาร์บัคส์วันแรกๆ งมอยู่ตั้งนานว่าอันไหนเป็นอันไหน..เฮ้อ)


บ่ะเก็ท-Baguette (แหะ แหะ เขียนเป็นภาษาอังกฤษดีกว่าเนอะ ดูดีกว่าเยอะ ไม่งั้นมันให้ความรู้สึกเหมือนมะตะบ่ะไงไม่รู้อ่ะ) หรือขนมปังโรลแบบแท่งยาว (นึกไม่ออกก็นึกถึงขนมปังฝรั่งเศสอันยาวๆ ตามแผนกขนมปังในห้าง..ซึ่งเทรฟบอกว่าอันนั้นเขาเรียก French Stick ไม่ใช่เรียกขนมปังฝรั่งเศส (French Bread) แบบที่เราเรียกกัน เพราะจริงๆ ขนมปังฝรั่งเศสมันมีหลายแบบ และ Baguette ก็เป็นหนึ่งในนั้น..เอาเป็นว่า มันยาวๆ คล้ายขนมปังฝรั่งเศสที่คนไทยเรียก แต่มันเล็กและสั้นกว่า..เฮ้อ..เหนื่อย) อ่ะนะ เราขาย freshly made baguette หมายถึง baguette ที่ทำกันสดๆ ใหม่ ๆ (ใหม่มากๆ เพราะทำกันหลังร้านนั่นเอง อิอิ) นอกจาก baguette เราก็มี roll หรือ baguette ขนาดเล็ก อิอิ ทั้งหมดนั่นก็มีสารพัดไส้ ได้แก่ ไข่ ไข่กวน มะเขือเทศ ชีส basil (หรือใบกระเพรา-เราอยากเรียกมันว่าใบแมงลักเพราะมันไม่เผ็ดเท่ากระเพราบ้านเรา) เบคอน บรี (ชีสชนิดหนึ่ง) แฮม ฯลฯ สารพัดจะทำขาย..ขายดีซะด้วยดิ..อยากจะบอกว่า..หลังจากรู้ว่าเขาทำยังไงแล้ว..ไม่คิดจะซื้อกินอีกเลย เอ่อ ไม่ได้แปลว่ามันซกมกตอนทำ แต่มันทำง่ายยยยยมากกกก..ซะจน..ตรูจะไปเสียเงินซื้อทำไมเนี่ย มีอะไรๆ ก็ยัดๆ มันเข้าไประหว่างขนมปังก็เสร็จแล้ว..ไม่อยากจะบอกว่าราคามันไม่ถูกนะ คิดเป็นเงินไทยอันนึงก็หลายร้อยบาท (สามถึงห้าปอนด์ต่ออัน)


อ่ะๆ เอาเป็นว่าวันนี้ทั้งวันถ้าไม่วนเวียนอยู่หลังเคาน์เตอร์ช่วยเขาทำกาแฟก็ไปแอบดูเขาทำแซนวิชกับ baguette ที่หลังร้าน พอบ่ายโมงก็ได้เวลากลับบ้าน..


เอาเป็นว่า วันแรกของการทำงานก็ไม่เลวเท่าไหร่ ยิ่งถ้านับว่ามันใกล้บ้านขนาดเดินได้ (ราวยี่สิบนาทีแบบเดินเรื่อยๆ) หรือปั่นจักรยานแค่สิบนาที กับมีอาหารกลางวันกินฟรี เครื่องดื่มฟรี..เรียกได้ว่า วันๆ แทบไม่ต้องใช้เงิน..ก็ยิ่งดีใหญ่..ส่วนพรุ่งนี้จะเป็นยังไงต่อไป ไว้มารอดูกัน..เพราะพรุ่งนี้เข้างานตีห้า!


ไปนอนก่อนละน้า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » ศุกร์ ก.พ. 05, 2010 11:50 pm

2Feb2010 ทำงานวันที่สอง?

บ่ายสองโมงสิบห้า วันอังคารที่ 2 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


โอ๊ยยย..ปวดเท้าาาา


ไม่ได้ยืนทำงานนานๆ แบบนี้มานาน พอกลับมาทำอีกทีเล่นเอาแย่เหมือนกันแฮะ


วันนี้เข้างานตีห้า..เห็นเวลาเข้างานครั้งแรกตกใจคิดว่าอยู่กรุงเทพฯ (แอบคิดว่าฉันต้องตื่นตีสามครึ่งไหมเนี่ย??..โชคดีไป รถไม่ติดขนาดนั้น ตื่นตีสีก็พอ แหะ แหะ) ชั่วโมงทำงานวันนี้ยาวเต็ม 8 ชั่วโมง ซึ่งถือเป็นกะยาวปกติของคนทำงานเต็มเวลา..แต่ตามสัญญาจ้างเราทำงานแค่พาร์ทไทม์ ยังไงซะเรื่องชั่วโมงทำงานไม่ใช่ปัญหาของเราอยู่แล้ว เพราะเราต้องการทำงานให้เยอะที่สุด..ก็แหม ทำเยอะก็ได้ตังค์เยอะจริงมะ ดีกับทุกฝ่าย..อยู่บ้านไปตังค์ก็ไม่งอก.. ฉะนั้นเรื่องปวดเท้าเนี่ย เดี๋ยวพักเดียวก็ชิน ช่วงนี้ก็เดินเดี้ยงไปก่อน ฮี่ฮี่


วันนี้สามีสุดที่รักไปส่งที่ทำงาน..อยากจะบอกว่าเทรฟน่ารักสุดๆ เมื่อคืนเราเข้านอนแต่หัววัน เพราะต้องตื่นตีสี่อย่างที่บอก เทรฟอาสาขันแข็งว่าเดี๋ยวขับรถไปส่งจะได้ไม่ต้องเดินไปมืดๆ ซึ่งก็แปลว่าเขาต้องตื่นเช้าประมาณเดียวกัน ขับรถไปส่งเรา กลับมาบ้าน ซึ่งเทรฟไม่ใช่คนที่จะกลับไปหลับง่ายๆหลังจากตื่นแล้ว แล้วตัวเองต้องไปทำงานของตัวเองจนถึงห้าโมงเย็น แต่เราน่ะเลิกบ่ายโมงนะ..โห สงสารที่รักสุดๆ แต่เขาบอกว่าไม่เป็นไร..ที่สำคัญเราเข้าตีห้าแบบนี้ทั้งอาทิตย์ แหะ แหะ..ขอโทษนะคะที่รัก ต้องมาอดหลับอดนอนไปด้วยกัน..


ยัง ยังไม่พอ คุณความดีของคุณสามียังไม่หมดเพียงแค่นี้ เขาขับไปส่งเราที่ทำงานซึ่งมันคือสถานีรถไฟ ตอนแรกก็กลัวมันจะมืดๆ ไม่ค่อยมีคน ไปถึงมันก็ไม่ค่อยมีคนแหละ แต่มันไม่มืดอย่างที่คิด เทรฟหย่อนเราลงแล้วถามว่า จะให้จอดรอดูจนแน่ใจว่าโปร่งเข้าไปในร้านเรียบร้อยก่อนหรือเปล่า (คือรอดูว่าเพื่อนร่วมงานมาแล้วแน่ๆ จะได้ไม่ต้องทิ้งเราอยู่คนเดียว) เราบอกว่าไม่เป็นไรหรอก ไฟมันสว่างอย่างนี้..โห..รักเทรฟสุดๆ น่ารักจริงๆ เลย จุ๊บ จุ๊บ


วันนี้เข้ากะเช้า เตรียมเปิดร้านพร้อมเคที่-ซุปเปอร์ไวเซอร์อีกคน แล้วก็ฮอลลี่ ในเมื่อร้านเราขาย baguette เป็นหลัก เพราะงั้นหน้าที่สำคัญก็คือเตรียมของขาย แล้วเราก็ได้รู้ว่าเขาทำ "ทุกอย่าง" กันหลังร้านจริงๆ เริ่มตั้งแต่เอา baguette และ roll เข้าอบ (หน้าตามันเป็นแป้งขาวๆ แบบยังไม่สุกอ่ะ) กับเตรียมขนมอบ (Pastry) ไอ้ baguette เนี่ยไม่ค่อยตื่นเต้นแล้ว เพราะมันเห็นตั้งแต่เมื่อวานว่าทำไง แต่ไอ้ขนมอบนี่ดิ โห..มันก็อบกันตรงนี้เว้ย (เมื่อวานยังคุยกับเทรฟอยู่เลยว่า ถ้าเขาทำขนมด้วยท่าทางจะยุ่งหน้าดู เพราะหน้าตามันดูรายละเอียดเยอะกว่า) ..ที่เจ๋งก็คือขนมทุกชนิดมันมาแบบแช่แข็ง สิ่งที่ต้องทำก็มีแค่โยนมันเข้าเตาอบนั่นเอง ..เราตื่นเต้นกับครัวซองค์มาก เพราะพอมันสุกแล้วมันดูน่ากินโครตๆ


วันนี้เคทีก็ไม่ต่างจากเชนเมื่อวาน เคทีอธิบาย อธิบาย และอธิบาย..ไม่หยุดเลย เพราะเราต้องเตรียมของขายสารพัดอย่างตามจำนวนที่คิดว่าจะพอสมควร แต่ละอย่างก็มีเครื่องปรุงต่างกันไป (มันไม่ยากหรอกเมื่อเริ่มจำได้และชินแล้ว) และใช้เวลาและอุณหภูมิเตาอบที่ต่างกันไป เราตื่นตาตื่นใจมาก เพราะทั้งชีวิตยังไม่เคยใช้เตาอบเป็นเรื่องเป็นราวซักที..ก็สารภาพกับเขาตรงๆ ว่าใช้เตาอบไม่เป็น เขาก็อธิบายให้ฟังอย่างใจดี ช่วงเตรียมขนมนี่เองที่เราได้มีโอกาสคุยกับเคทีบ้าง..หมายถึงนอกเหนือจากเรื่องงานน่ะนะ เราบอกเคทีว่าบรรยากาศในการทำงานที่นี่แตกต่างจากสตาร์บัคส์อย่างสิ้นเชิง ที่นั่นดูทุกอย่างเร่งรีบและแข่งขันไปหมด ทำงานแบบเหมือนต้องระวังไม่ให้ผิดพลาด เพราะไม่งั้นจะมีคนมาด่าตามหลัง และดูเหมือนไม่เคยทำอะไรทันเวลา ในขณะที่ที่นี่ตลอดระยะเวลาที่โดนสอนงาน ประโยคที่ว่า
" ถ้ามันผิดพลาดก็ไม่เป็นไร มันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก"
"ก็ค่อยๆ ทำไป เดี๋ยวก็จำได้เอง เรารู้ว่ามันมีเรื่องให้ต้องจำเยอะ ไม่ต้องรีบ"
"ไม่ต้องห่วงนะ เธอไม่ได้อยู่คนเดียวแน่ๆ ต้องมีอีกคนอยู่คอยช่วยเสมอ" ฯลฯ
ประโยคพวกนี้มีมาให้ได้ยินตลอด อีกทั้งบรรยากาศที่ทุกคนหยอกล้อ แซวเล่นกันเสมอ บ้างก็ร้องเพลง กระโดดโลดเต้น..มันเป็นบรรยากาศที่เป็นมิตรสุดๆ


เคทีบอกว่าเธอชอบทำงานที่นี่เพราะตอนนี้เธอเรียนโทอยู่ งานที่นี่สบายๆ ไม่ต้องรับผิดชอบเยอะ กลับบ้านก็ไม่ต้องห่วงว่าใครจะโทรตาม มีเวลาให้กับเรื่องเรียนอย่างเต็มที่..อืม ฟังแล้วเข้าท่าสุดๆ .. ฝึกงานวันนี้เราเริ่มเรียนรู้มากขึ้นว่าซุปเปอร์ไวเซอร์ที่นี่ก็ทำหน้าที่อบขนมและเตรียมของขายเป็นหลัก กับดูแลเรื่องเงิน ขายของหน้าร้านกับรักษาความสะอาดไปตามเรื่องอีกเล็กน้อย..เรื่องงานเอกสารที่ซีเรียสไม่ต้องทำ ผิดกับที่สตาร์บัคส์ที่ทุกอย่างสุมทุมท่วมหัว ตั้งแต่หน้าร้าน เตรียมของ เช็คสต็อค ออเดอร์ของ เรื่องเงิน เรื่องงานเอกสาร เรื่องแบงค์กิ้ง (หมายถึงเตรียมเงินฝากธนาคาร) และอื่นๆ อีกจิปาถะ เรียกว่าความรับผิดชอบทั้งคน ของ และเงินในกะนั้นๆ อยู่บนบ่าเธอเต็มๆ กลับบ้านเล่นเอาหมดแรงไปเลย..ทั้งเหนื่อยทั้งเครียด..แต่ที่นี่เคทีพูดหลายหนมากว่า ทำให้มันเสร็จแล้วทุกอย่างก็จะเสร็จตรงนี้ ไม่ต้องกังวล ไม่ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องระแวงหลัง..ทุกคนพร้อมเข้าใจและให้โอกาสแก้ตัว (แต่ก็ใช่จะผิดซ้ำซากอ่ะนะ)


วันนี้นอกจากเตรียมของขายแล้ว เราก็ไปช่วยขายของหน้าร้านเหมือนเดิม ตอนแรกยังมีพนักงานคนอื่นอยู่ด้วย เราก็ชงกาแฟอย่างเดียว แต่พอเขาไปกันหมด เราก็ต้องทั้งชงกาแฟ อบขนม (อุ่นให้ร้อน) แล้วก็คิดเงิน ก็..งงๆ เล็กน้อย เพราะเครื่องคิดเงินแต่ละร้านก็มีระบบของมันเอง ทั้งวิธี Void transaction หมายถึงยกเลิกเวลาคีย์อะไรผิดไป หรือวิธีจ่ายเงินแบบใช้บัตรเครดิต บางทีก็หาปุ่มชื่อขนมไม่เจอ..เราก็เรียนรู้อย่างเดียวว่า..(แหกปาก)ขอความช่วยเหลือ..ฉะนั้นเราก็โวยวายทันทีเวลาทำอะไรไม่ได้โดยต้องไม่รู้สึกผิดทีหลัง อิอิ..คือ มันโวยวายจริงๆ นะ เพราะคนอื่นเขาอยู่หลังร้าน เราก็ตะโกนเรียกชื่อใครซักคนให้เขาออกมาช่วยเรา


แล้ววันทั้งวันก็ผ่านไปแบบนี้แหละ ซึ่งเอาจริงๆ ถ้ามีพนักงานคิดเงินตามปกติ เราจะไม่ต้องออกมาหน้าร้านเลยเพราะเรามีหน้าที่ต้องคอยเตรียมของมาป้อนหน้าร้านเรื่อยๆ แต่ละช่วงเวลาจะมีของต้องเตรียมไม่เหมือนกัน หมุนเวียนกันไปเรื่อยๆ ..เราว่าเราทำไปอีกพักเราคงเอียนมันทุกอย่างไปอ่ะ


เอาเป็นว่าวันที่สองของการทำงานผ่านไปด้วยดี..และเราก็มั่นใจว่ามันจะผ่านไปด้วยดีเรื่อยๆ เช่นเดียวกับวันนี้


วันนี้คงพอแค่นี้ก่อนสงสัยต้องไปนอนเอาแรงซะแล้ว..ไปละนะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย Kun Nhu » พฤหัสฯ. มี.ค. 25, 2010 9:39 pm

รออ่านจนจะลงแดง แล้ว ครับ พี่เล็กลงต่อเร็วๆ หน่อย #^ #^
Kun Nhu
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 283
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ก.ย. 09, 2009 5:58 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:09 am

ได้เลย เอาให้หน่ำ #(

5 Feb 2010 ..ยังง่วงอยู่เลย..?

อีกสิบนาทีห้าโมงเย็น วันศุกร์ที่ 5 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


ฮ้าววว... ง่วงงงง...


หายไปเสียหลายวัน ไม่ได้หายไปไหนไกลก็หายไปทำงานนั่นแหละ เข้างานตีห้าเลิกงานบ่ายโมง เป็นอย่างนี้มาทั้งอาทิตย์ ร่างกายกำลังอยู่ในช่วงปรับตัว ง่วงมากๆๆ
ตอนทำงานน่ะ มันไม่เท่าไหร่หรอก ทำไปเรื่อยๆ ไม่มีเวลาให้ง่วง (เพราะมัวแต่กังวล) ออกแนวหิวๆ มากกว่า วันนี้งานเริ่มเข้าที่เข้าทางแล้ว ..ก็ต้องเข้าที่ล่ะ วันจันทร์จะโดนทิ้งให้ทำคนเดียวแล้ว
ก็อย่างที่เคยบอกไปว่า หน้าที่เราหลักๆ ก็คือเตรียมของขาย ต้องคอยหมั่นเช็คว่าอะไรขายหมดหรือใกล้หมดแล้วก็ทำเพิ่มให้มันดูเต็มๆหน้าร้านเข้าไว้ วันนี้ไม่ยอมไปติดแหง่กอยู่หน้าร้านชงกาแฟแล้ว พอมีคนมาทำหน้าที่เราก็หนีเข้าครัวมาทำหน้าที่เราอย่างเดิม ค่อยๆ ไล่เรียงในหัวว่า อะไรต้องทำตอนไหน ทำของขายไม่ยาก ยากตรงที่ต้องกะเวลาให้ถูกเพราะขนมต้องอบ ต้องมีเวลาทิ้งไว้ให้เย็นก่อนจะเอาไปขายได้ กินเวลาก็ร่วมๆ ชั่วโมง ถ้ากะไม่ดี ถาดหน้าร้านก็ว่างอยู่อย่างนั้น ดูไม่งาม แต่โดยรวมๆ ก็ไม่ค่อยมีอะไรเร่งร้อนเท่าไหร่ ทำไปเรื่อยๆ เดี๋ยวก็นึกออกเองว่าต้องทำอะไรต่อ (มีลืมบ้างเหมือนกัน)


เราเรียนรู้ว่างานที่นี้ก็ดีนะ..ทุกคนให้โอกาสกันดี ไม่มีใครมานั่งจับผิดกัน ช่วยๆ กันไป เวลาจะเบรคถ้างานเสร็จแล้วหรือร้านเงียบก็แบ่งๆ กันไปพัก เราค่อยๆ เรียบเรียงทุกอย่างในหัว พยายามไม่ขอให้ใครช่วย อยากทำทุกอย่างด้วยตัวเอง ส่วนผสมทุกอย่างต้องชั่ง ตวง วัดกันให้มั่นเหมาะตามสูตรที่เขาว่าไว้ ซึ่งเรื่องนี้คนอื่นๆ ในร้านพอทำๆไปก็จะประมาณกะๆ เอาไม่ชั่งกันละเอียดแบบนี้ แต่เราอยากสร้างนิสัยที่ดี ไม่ต้องมาทำเอาหน้าเวลาแผนกออดิท (Audit) มาตรวจ เราใส่ถุงมือ ใส่หมวก ใส่ผ้ากันเปื้อนครบสูตรเพราะอยากให้รู้สึกเราทำทุกอย่างที่คนกินเขารู้สึกว่าคนเตรียมอาหารน่าจะทำ


อีกเรื่องก็คือ..เรื่องกิน อิอิ อ่ะนะในเมื่อรอบตัวมีแต่ของกิน แล้วเราจะปล่อยให้ตัวเองหิวทำไม เราเรียนรู้ว่าถ้ามันหิว มีอะไรใกล้มือก็เก็บกินไปก่อน ไม่ว่าจะเป็นแฮม เศษขนมปัง ขนูกขนมอะไรก็กินๆ ไป ไม่มีใครว่าอะไร แรกๆ ก็เขินๆ กลัวเขาจะว่าเอา แต่มองไปรอบตัว ใครเขาก็ทำกัน..เอาวะ แสดงว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร หิวก็กินก็เท่านั้นเอง อิอิ


ตอนนี้มีขนมติดมือกลับมาฝากเทรฟทุกวัน เทรฟก็เอ็นจอยลองนู่นลองนี่ไปเรื่อยๆ กำลังแอบคิดว่า สงสัยทำงานที่นี่ไปเรื่อยๆ สองคนได้อ้วนกันแหงๆ


ได้เวลาทำกับข้าวแล้ว ไปก่อนน้าาา
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:25 am

7Feb10 เสาร์อาทิตย์สุขสันต์หลังทำงานอาทิตย์แรก :)

บ่ายสองโมงครึ่ง วันอาทิตย์ที่ 7 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


ฮ่าฮ่าฮ่า ช่างเป็นวันหยุดที่แสนสุขจริงๆ


คนเราเนี่ยมันจะอิ่มเอิบกับวันหยุดก็ต่อเมื่อได้ทำงาน..จริงมะ? หมายความว่า เราได้พักหลังจากช่วงเวลาที่เหนื่อยยาก..เวลาพักมันก็จะมีความหมายมากขึ้น ถ้าหากเราพักกันตลอด เวลาพักก็งั้นๆ แหละ มันก็ออกแนวน่าเบื่อไป เพราะไม่มีอะไรตื่นเต้น ไม่มีอะไรให้รอคอย เสาร์อาทิตย์นี้เราได้นอนตื่นสายหลังจากตื่นตีสี่มาทั้งอาทิตย์..เหนื่อยมากกกก งานน่ะไม่เท่าไหร่ แต่ต้องปรับเวลานอนในระยะเวลาสั้นๆ เนี่ย..ทรมานไม่น้อย เฮ้อ..


แต่ก็ดี ทำงานเต็มเม็ดเต็มหน่วยแบบนี้ รายรับที่เข้ามาก็พอทำให้หายใจคล่องขึ้นบ้าง เรากับเทรฟเครียดน้อยลง กังวลเรื่องเงินน้อยลง เรากล้าใช้เงินมากขึ้นว่างั้นเหอะ..เพราะงั้นเมื่อวานเราก็เลยไปดูหนังกัน อิอิ..ยอมไปดูวันที่ไม่มีโปรโมชั่นซะด้วย หรูซะ อิอิ..ไปดู Avatar 3D (คนอื่นเขาดูกันไปเป็นชาติแล้ว เราพึ่งได้ดู อิอิ) เทรฟอยากดูมาตัั้งนานแล้ว พึ่งได้จังหวะทั้งเงินและเวลา..แต่พอเห็นค่าตั๋ว..อยากเปลี่ยนใจไม่ดูขึ้นมาฉับพลัน ?20.90 (คิดเป็นเงินไทย..พันกว่าบาท ฮือๆ) แพงๆๆๆ ปกติไม่ใช่สามมิติก็แพงอยู่แล้ว พอเป็นสามมิติก็เลยยิ่งแพงเข้าไปใหญ่..เอาวะ ไหนๆ ก็จ่ายค่าตั๋วแล้ว วันนี้ขอลองกินป๊อปคอร์นเมืองผู้ดีหน่อยเหอะวะ..ว่ารสชาติมันจะเป็นยังไง..ด้วยความแค่อยากลองไม่ได้อยากกิน เราก็เลยซื้อชุดเล็ก เล็กทั้งป๊อปคอร์นทั้งน้ำ..ราคาสองอย่างรวมกัน ?6.60! (เกือบห้าร้อยบาท) โห่..อะไรเนี่ย.. บอกตัวเองว่ามันจะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายของการกินป๊อปคอร์นหน้าโรงหนัง ฮึ่ม แพงเลือดสาด..นี่ขนาดซื้อขนาดเล็กนะเนี่ย (อ่อ มันก็เล็กกว่าขนาดถังกลมๆ บ้านเราหน่อยเดียว แหะ แหะ)


เข้าไปดูหนังสามมิติก็หนุกดี ไม่มีอะไรแปลกใหม่ก็ดูบ่อยไปตอนอยู่เมืองไทย..สามีดิฉันค่ะ ตอนช่วงต้นที่ยังเป็นโฆษณาอยู่ (หรูค่ะ เขาทำโฆษณาบางตัวเป็นสามมิติด้วย) พ่อคุณก็ถอดแว่นตาเข้าๆ ออกๆ เราสงสัยว่าเขาไม่โอเคหรือเปล่า เขาว่าไม่มีอะไร พึ่งมาได้คำตอบเมื่อเช้าตอนคุยกันว่า เขาพยายามทำความเข้าใจการทำงานของแว่นกับตัวภาพยนตร์บนจอ เทรฟอธิบายว่า "ภาพของหนังถ่ายออกมาเป็นภาพแนวตั้งและแนวนอน เมื่อมองด้วยตาเปล่าจะเห็นเป็นภาพซ้อนกัน ยิ่งวัตถุใดที่ยิ่งเน้นให้ลอยออกมาเยอะ มันก็จะเหลื่อมกันเยอะ แต่ถ้าวัตถุระยะไกล เราแทบจะไม่เห็นว่ามันเบลอหรือซ้อนกัน ทีนี้พอใส่แว่นสายตาคนเรารับรู้วัตถุสองรูปแต่มันเป็นอย่างเดียวกัน สมองเราก็เลยทำการรวมภาพทั้งสองนั้นเข้าด้วยกัน ผลคือเราเห็นมันลอยโดดออกมาจากจอ" อืม..ไม่ยืนยันว่าคำอธิบายนี้ถูกต้องตามหลักวิทยาศาสตร์ แต่ยืนยันว่าสามีดิฉันวิศว๊ะ วิศวะ เธอคิด เธอคำนวณทุกอย่างรอบตัว..เฮ้อ..




นอกจากดูหนังแล้ว เมื่อวานเราได้ไปเดินเที่ยวที่ Thornbury (ธอร์นเบอรี่) เป็นทาว์นเล็กๆ น่ารัก น่าอยู่ (มากๆ) ไปเดินดูตลาดกับร้านขายของแถวนั้น ร้านค้าแถวนี้ยังมีความเป็นเมืองเก่าอยู่เยอะ ร้านค้าก็เลยแอบ เลยซ่อนอยู่ในอาคารเตี้ยๆ เหมือนบ้านคนมากกว่าจะเป็นหน้าตาศูนย์การค้าตามเมืองใหญ่ๆ เราบอกเทรฟว่าเราถูกชะตากับย่านนี้มาก เทรฟว่าเทรฟก็ชอบบรรยากาศแถวนี้ เสียดายที่ว่ามันไกลที่ทำงานไปนิด ต้องฝ่าการจราจรเยอะกว่าจะไปถึงที่ทำงาน ก็เลยไม่ค่อยสะดวกเท่าไหร่ แถมราคาบ้านก็แพงกว่าบ้านที่ตกลงซื้อ เพราะในเมื่อบรรยากาศมันน่าอยู่ คนก็อยากมาอยู่เยอะ ราคาก็เลยแพง..ตามหลักเศรษฐศาสตร์เบื้องต้น ถูกมะ.. เราเดินเล่น ซื้อของกินพวกผัก ผลไม้ไปตามเรื่อง เพราะราคาถูกกว่าซื้อตามห้างเยอะ เดินกันจนทั่วแล้วก็กลับ ไม่มีอะไรให้ดูมากนักหรอก เพราะมันเป็นเมืองเล็กๆเท่านั้นเอง


เรากลับมาบ้านแล้วก็ออกไปอีก เพื่อไปดูหนังอย่างที่เราไปแล้ว ตกเย็นหลังดูหนังเลิกก็กลับมากินข้าวบ้านอันแสนสุข เย็นนี้มีแกงป่าไก่ ไข่เจียว กับยำกุ้งพล่า อืม อา..หย่อยยย..


ส่วนเช้าวันอาทิตย์วันนี้ก็เป็นอีกวันที่เราสองคนเอาจักรยาน(มือสอง)ของเราที่พึ่งซื้อมาใหม่ไปลอง เราลองขี่ไปทำงานเพื่อจับเวลาดูว่าใช้เวลาเท่าไหร่ จะได้กะเวลาออกจากบ้านได้ถูก ทีนี้คุณสามีที่รักก็ไม่ต้องตื่นตีสี่ขับรถไปส่งเราแล้ว (ดีจัง) ประกอบกับวันจันทรที่จะถึงนี้เทรฟต้องไปต่างจังหวัด(ตั้ง)สองคืน เราก็ต้องช่วยเหลือตัวเองอยู่ดี ก็พอดีเหมาะเจาะกัน..ขี่จักรยานไปทำงานใช้เวลาประมาณสิบนาที ..ก็ไม่เลวนัก ไม่ต้องตื่นเช้ากว่าเดิม แค่ต้องทำตัวให้คุ้นเคยกับอุปกรณ์สารพัดทั้งเสื้อคลุม กางเกงกันน้ำ ไฟรถจักรยานทั้งด้านหน้าและหลัง (ที่ต้องถอดออกทุกครั้งที่จอดทิ้งไว้ กันคนมาขโมย) แถบสะท้อนแสงสำหรับรัดแขน (ถอดออกได้) หมวกกันน็อคพร้อมหมวกคลุมผม (กันหนาว..หมวกหน้าตาเหมือนหมวกว่ายน้ำแต่ไม่ใช่ยาง เป็นผ้ายืด ใส่เพื่อให้แนบกับหัวมากที่สุดแล้วยังสวมหมวกกันน็อคทับได้) รองเท้าผ้าใบ ถุงมือขี่จักรยาน และกระเป๋าเป้..เฮ้อ..เยอะเชียว..คือหลักๆ ก็ห่มๆ พันๆ ให้ตัวเองไม่หนาว เพราะลมที่ปะทะจะเย็นได้ใจ ประกอบกับต้องทำตัวให้เรืองแสงเข้าไว้ รถยนต์จะได้ไม่คาบไปกิน ส่วนอุปกรณ์ประกอบอื่นๆ ก็เพื่อความสะดวกและปลอดภัย..อีกเช่นกัน พอไปถึงที่ทำงานก็ต้องจัดแจงเปลี่ยนองค์ให้เป็นชุดทำงาน เพราะงั้นต้องเผื่อเวลาให้ดี ..ไม่ยากเย็นหรอก ตอนทำสตาร์บัคส์ก็ทำแบบนี้มาแล้ว..ต่างกันแค่หนนี้มันเช้ามากๆๆ เท่านั้นเอง


นอกจากขี่จักรยานไปที่ทำงานหรือสถานีรถไฟแล้ว เรายังพากันขี่ไป(ว่าที่)บ้านใหม่เราด้วย เพื่อดูว่ามันไกลขนาดไหน ซึ่งจริงๆ ก็ไกลว่านิดหน่อย แต่เรารู้สึกดีกว่า เพราะมันมีทางจักรยานเฉพาะที่ค่อนข้างกว้างและเป็นสัดส่วนแยกชัดเจนจากถนนปกติ ก็เลยทำให้รู้สึกว่าปลอดภัยกว่า แต่มีทางขึ้นเนินลงเนินไกลพอควร เล่นเอาเหนื่อยเลย ..แต่ก็นะ ได้อยู่บ้านตัวเอง ไม่ว่ายังไงมันก็ต้องรู้สึกดีกว่าอยู่แล้ว..


บ่ายนี้นอกจากทำงานบ้านแล้วก็ไม่มีอะไรแล้ว ที่เหลือก็รอเวลาไปเรียนเต้นซัลซ่า..ฮี่ฮี่ สนุกอย่าบอกใคร ได้เหงื่อดีที่เดียว (เยอะกว่าขี่จักรยานอีก..เพราะมันเต้นรำในร่ม มันก็เลยอุ่นกว่านิ) ไม่มีอะไรจะโม้แล้ว ไปดีกว่า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:26 am

8Feb2010 ปั่นจักรยานไปทำงานวันแรก

บ่ายสี่โมงเย็น วันจันทร์ที่ 8 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


แอบงีบไปหน่อยนึงแล้วก็ตื่นมาเขียนอีเมล์ต่อ


วันนี้ปั่นจักรยานไปทำงานวันแรกทุกอย่างก็ผ่านไปด้วยดี..ไม่มีปัญหา..จริงๆ ต้องบอกว่ามันก็ไม่น่าจะมีปัญหาหรอก เพราะคุณสามีเธอคิด เธอทำ เธอเตรียมทุกอย่างไว้ซะขนาดนี้แล้วนี่นา


แผนปั่นจักรยานไปทำงานของเรามาเริ่มจริงจังเป็นรูปเป็นร่างขึ้นก็ตอนที่เราได้งานทำแล้วนี่แหละ


เทรฟเริ่มต้นจากหาซื้อจักรยานมือสอง ราคา(ต้อง)ถูก ในพื้นที่่ใกล้เคียงเพื่อง่ายแก่การไปรับจักรยาน..เทรฟออนไลน์ได้จักรยานมือสองมาในราคา ?15 (ประมาณเจ็ดถึงแปดร้อยบาทมั้ง) จากบ้านใกล้เรือนเคียง พอได้มาแล้ว เราก็เอาตรวจเช็คสภาพเล็กน้อย พบว่าต้องเพิ่มเติม "บังโคลน, ไฟหน้า, ไฟหลัง, เบรคหน้าครึ่งนึง, โซ่ล็อคจักรยาน และกระดิ่ง" อิอิ หลังจากนั้นก็ช็อปน่ะสิ ปรากฏว่าอุปกรณ์เสริมทั้งหลายราคาแพงกว่าราคาจักรยานเองหลายอยู่..เล่นเอาเทรฟแอบไขว้เขว..จนเมื่อเรายืนยันว่าเราจำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ดังกล่าว เทรฟก็กล้ำกลืนซื้อมา อิอิ


เทรฟนั่งซ่อม ปรับแต่งจักรยานอยู่ครึ่งวันจนวันเสาร์ที่ผ่านมาก็ไปลองขี่กัน เทรฟมีจักรยานรุ่นคุณปู่ของเทรฟอยู่คันนึง เราก็เลยขี่จักรยานไปคู่กัน..แหม่ๆๆ ดูน่ารักน่าชัง..แต่เปล่าเลย มันเหนื่อยใช้ได้เลย.. เมื่อลองเอาจักรยานไปขี่แล้ว ลองจับเวลาที่ใช้ขี่จากบ้านไปทำงานแล้ว ก็เป็นอันว่าทุกอย่างพร้อมสำหรับการทำงานวันจันทร์ของเรา..แต่..เดี๋ยวก่อน..ยัง ยังไม่หมด


ความเป็นห่วงเป็นกังวลของเทรฟยังมีช่วงโปรโมชั่นแถมเพิ่มมาอีก


เช้าวันจันทร์เป็นวันที่เทรฟต้องขับรถไปประชุมต่างจังหวัด (ฟังดูเมืองไทยจัง..)ไปประชุมที่เกาะไวท์ (Isle of Wight เขาเขียนตัวย่อว่า IoW คือไอตัวใหญ่ โอตัวเล็ก และดับเบิลยูตัวใหญ่) สองคืน (ฮือๆๆ เหงาเลย) เพราะงั้นก็ต้องออกจากบ้านแต่เช้า เทรฟถามเราแล้วถามเราอีกว่าตอนเช้าวันจันทร์จะให้เขาขับไปส่งที่ทำงานก่อนไหม เพราะเขายังอยู่บ้านจนถึงหกโมงสี่สิบห้า เราบอกไม่ต้อง เพราะอยากให้เทรฟนอนเยอะๆ ไม่ต้องตื่นตีสี่มาพร้อมเรา เขาจะได้มีแรงขับรถ (เพราะต้องขับรถตั้งสองชั่วโมง) แต่ปรากฏว่าเทรฟยืนยันว่ายังไงเทรฟก็ยังจะตื่นตีสี่อยู่ดี เพื่อมาดูให้แน่ใจว่าเราเอาจักรยานออกไปทำงานได้เรียบร้อยดี..


สิ่งที่เทรฟทำคือ เทรฟตื่นมาพร้อมเรา นั่งดูเรากินข้าวเช้า ดูเราแต่งตัว (เพราะวันนี้ต้องแต่งตัวด้วยอุปกรณ์สารพัด ทั้งเสื้อกันหนาวแบบกันลมและน้ำ แถบรัดแขนแบบสะท้อนแสง กางเกงผ้ากันน้ำ หมวกกันน็อค และเป้สะพายหลัง) พร้อมกับชำเลืองดูเวลาเป็นระยะ (ประมาณว่า ถ้าเห็นท่าไม่ดี ก็หนีบเราขึ้นรถไปปล่อยที่ทำงานทันที..ทำทุกอย่างให้แน่ใจว่าเราไปถึงที่ทำงานทันเวลา) จากนั้นก็ลงไปที่ลานจอดรถด้วยกัน ดูเราเสียบไฟหน้ารถ ไฟท้ายรถ (ไฟสองอันนี้ต้องคอยถอดเก็บ กันหาย) ว่าเรียบร้อยดีไหม (เพราะมันยังมืดอยู่) ปลดล็อกโซ่ เอารถออก แล้วพร้อมปั่นออกไปทำงาน..จากนั้นก็นั่งคอยโทรศัพท์อยู่บ้านว่าเราจะโทรมาขอความช่วยเหลือระหว่างทางหรือเปล่า จะได้ออกไปช่วยทัน (ดูจริงจังกันขนาดนั้น)..เฮ้อ..พ่อคุณ..ห่วงเราซ้าาาาา...


อ้อ แม้แต่เรื่องที่จอดรถ เทรฟก็มีแอบห่วงอีกว่า ให้จอดรถตรงนั้นตรงนี้นะ เพราะมาตอนเช้า ตรงนี้อาจจะยังไม่เปิด แล้วก็ล็อครถแบบนี้นะ จะได้กันหายได้ดีกว่า ฯลฯ..คือรายละเอียดทุกอย่างที่คุยกันขนาดนี้ก็เพื่อให้แน่ใจว่า เราไม่เสียเวลาไปตรงไหนนานเกินไปจนเข้างานสาย ถามว่า ถ้างั้นทำไมไม่มาให้มันเช้าหน่อยล่ะ คำตอบก็คือ ถ้ามาเช้าเกินไปแล้วมาอยู่ในสถานีคนเดียวมันก็อันตรายอีก เพราะงั้นการกะเวลาให้ดีก็เพื่อเหตุผลความปลอดภัยด้วยส่วนหนึ่ง


เพราะงี้พอเราถึงที่ทำงาน เราก็เลยรีบโทรรายงานตัวกับเทรฟทันที เสียงเทรฟถอนหายใจโล่งอกอย่างสังเกตได้ชัด คงประมาณดีใจที่รับโทรศัพท์แล้วไม่ได้ยินอะไรที่มันผิดปกติ ..ว่าแล้วเทรฟก็กลับไปนอนต่อได้อีกนิดนึง ..เฮ้อ..ขอบคุณนะคะที่รักที่ห่วงกันขนาดนี้.. แต่ก็นะ..น่ารักซะขนาดนี้แล้วจะไม่ให้รักได้ไง..จริงมะ :)
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:28 am

9Feb2010 แง๊ แง๊ ทำไงดี ลืมภาษาไทย

หกโมงเย็น วันอังคารที่ 9 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


แม้ว่าเราจะย้ายมาอยู่อังกฤษแล้ว แต่เรายังรับเป็นฟรีแลนซ์แปลเอกสารให้พี่วันอยู่ งานก็มีมาประปรายตามสภาพเศรษฐกิจ อิอิ .. ก็มันไม่ต้องไปปรากฏตัวอยู่หน้าคลาสเหมือนตอนสอนภาษาอังกฤษนี่เนอะ ฉะนั้นไม่ว่าอยู่ที่ไหนที่มีอินเตอร์เน็ตเราก็ทำงานแปลได้อยู่แล้ว ..ว่าไป เพราะเน็ตเนี่ยแหละบรรดาลูกศิษย์เรายังตามมาให้ช่วยสอนออนไลน์อยู่เลยนา..อิอิ


อ่ะ เข้าเรื่องดีก่า..เรามีงานแปลเข้ามาตั้งแต่เมื่อวาน แปลภาษาอังกฤษเป็นไทย อ่านต้นฉบับแล้วเกี่ยวกับคู่มือบริษัท..ก็..เออ ไม่น่ายาก คงใช้เวลาทำไม่นาน ประกอบกับงานไม่เร่ง ทำสบายๆ เดี๋ยวก็เสร็จ เพราะงี้วันนี้ (ซึ่งตั้งใจไว้ตั้งแต่เมื่อวาน) กลับจากทำงานมาถึงบ้าน ก็บอกตัวเองว่าต้องพักผ่อนให้เต็มที่จะได้สมองโปร่งๆ ทำงานแปลได้คล่องๆ เราก็นะ..กินข้าว กินขนม แล้วก็ไปนอนซักชั่วโมง ตื่นมาหายงัวเงียแล้ว งานแปลแค่นี่..จิ๊บจ๊อย (น่านน..)


ปรากฏว่า..พอเริ่มแปล แค่ประโยคแรกก็เดี้ยงครับท่าน..แก้ไปแก้มาอยู่หลายตลบ แค่ประโยคแรกประโยคเดียวยังไม่รอด งงตัวเองว่า ..เอ..มันจะใช้คำไหนดีหว่าที่มันจะไม่สับสน ไม่เยิ่นเย้อ และเป็นทางการ..แง๊...คิดไม่ออก..ก็แหม..ภาษาอังกฤษของเดิมเขาก็เขียนดี เข้าใจง่ายอยู่แล้วนิ..ว่าแล้วก็เลยเริ่มเครียด..เอ๊ะ หรือต่อไปต้องคิดราคาแปลอังกฤษเป็นไทย แพงกว่าแปลไทยเป็นอังกฤษหว่า?? อิอิ


ว่าแล้วไปพักสมองดีกว่า วันนี้ไม่มีอะไรเยอะ งานก็ราบรื่นดี อากาศก็เย็นขึ้นเรื่อยๆ (อีกแล้ว)
เราแวะมาเมาท์ให้ฟังสั้นๆ เท่านั้นเอง ไปล่ะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:28 am

14Feb2010 Happy Valentine's Day?

เกือบห้าโมงเย็นแล้ว วันอาทิตย์ที่ 14 กุมภาพันธ์ 2010 วันวาเลนไทน์ ..ที่แฟลตค่ะ


ขอโทษค่าที่หายไปนาน วุ่นวายหลายสิ่ง ทั้งงานประจำ งานแปล และชีวิตประจำวัน


สามีกลับจากประชุมต่างจังหวัดเย็นวันพุธ หลังจากกินอาหารฝรั่งมาสองคืนสามีก็ร้องหาอาหารรสชาติเผ็ดร้อน เราก็เลยทำ(หนึ่งใน)อาหารจานโปรดของเทรฟนั่นก็คือ หมูสามชั้นทอดกรอบจิ้มน้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน กับสลัดผักใส่พริก (เกือบเป็นส้มตำแล้ว แต่เผอิญไม่ใช่ เพราะเป็นสูตรของเทรฟเองไม่ใช่ของเรา มันก็เลยไม่ใช่ส้มตำ) อาหารจานนี้ทำง่าย ทำเร็ว เทรฟเลยแฮปปี้ที่จะซื้อหมูสามชั้นติดบ้านไว้ (ปกติไม่นิยมกักตุนอาหาร..แบบว่าเปลืองเงิน จะซื้อเฉพาะที่จะกิน ไม่ซื้อมาเก็บเพราะคิดว่า(อาจ)จะกิน..เฮ้อ..สามีดิฉัน) อาหารจานนี้เอาจริงๆ ดิฉันทำได้แค่ส่วนหมูกรอบค่ะ เพราะสลัดกับข้าวเหนียว..อ้อ ลืมบอกว่า ต้องกินกับข้าวเหนียว..ข้าวเหนียวต้องรอคุณสามีมาหุง เพราะอิฉันทำไม่เป็น..ทำได้แค่แช่ข้าวเหนียวรอทิ้งไว้ อิอิ..สาวไทยใจกล้าหุงข้าวอะไรไม่เป็นซักอย่างไม่ว่าจะข้าวเหนียว ข้าวจ้าว ให้เทรฟหุงตลอด เหอๆ เทรฟใช้หวดเป็นด้วยไม่อยากจะบอก ขนตรงมาจากเมืองไทย


อ่ะ..เล่าต่อๆๆ


หลังจากดูแลสามีแล้ว เราก็วุ่นวายงานแปล ..จากที่บ่นให้ฟังในเมล์ฉบับก่อนว่า..ประสบปัญหาหาคำแปลไม่ตรงใจอยู่พักใหญ่ เลยต้องกลับไปนอนให้สมองตื่นตัวแล้วค่อยตั้งหลักทำกันใหม่..กลับมาอ่านที่แปลรอบแรก..แหม่ๆๆ มันดูไม่ใช่ภาษาไทยเอาเสียเลย..เรียกได้ว่า..งานแปลที่ควรง่ายกลายเป็นยากไปซะงั้น..เฮ้อ..แต่ไงก็ Get in done in time though :)


ส่วนงานประจำก็ดำเนินไปด้วย เราเปลี่ยนไปทำกะดึก เริ่มเที่ยงครึ่งเลิกสามทุ่มได้สองวัน ก็ดีไม่ค่อยกดดัน เพราะไม่ต้องทำงานแข่งกับเวลาเปิดร้าน ส่วนใหญ่ก็ทำไปเรื่อยๆ กับงานเก็บล้าง ทำความสะอาดเสียส่วนใหญ่..กะนี้ดีตรงไม่ต้องตื่นเช้า แย่หน่อยตรงที่ไม่ได้อยู่กินข้าวเย็นกะสามี ฮือ ฮือ


ส่วนเทรฟก็ยังน่ารักเหมือนเดิม เพราะวันเสาร์เราทำงานแต่เทรฟหยุด เทรฟก็เลยอาสาไปรับไปส่งที่ทำงานแทนการปล่อยให้เราขี่จักรยานไปทำงาน


วันนี้วันอาทิตย์..และวันวาเลนไทน์ โชคดีจังที่เราหยุดพร้อมกัน :)


เพราะงี้ เย็นนี้เราเลยมีนัดพิเศษ ไปกินข้าวนอกบ้านกัน อิอิ.. อ้อ..ลืมบอกว่าตามธรรมเนียมที่นี่เขาจะบอกแฮปปี้วาเลนไทน์เดย์เฉพาะกับคนรักเท่านั้น มิใช่บอกไปทั่ว กับเพื่อน กับคนรู้จัก กับหมา กับแมว ฯลฯ เพราะงั้นวาเลนไทน์เลยเป็นวาระพิเศษสำหรับคู่รัก หรือคู่ที่แอบรักกัน


ว่าแล้ว..ไปดีกว่า..บรรยากาศวันนี้จะหวานชื่นเพียงใด..จะมาโม้ให้ชวนเลี่ยนวันหลัง ไปล่ะ อิอิ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:30 am

15Feb2010 หนึ่งวันหลังวันวาเลนไทน์?

ตามสัญญาว่าจะกลับมาเมาท์เรื่องเมื่อวานให้อิจฉาเล่น อิอิ


จริงๆ ก็ไม่มีอะไรสวีทหวานแหววหรอก..ก็เกริ่นให้มันน่าหมั่นไส้ไปงั้นเองแหละ


เมื่อวานเทรฟทำเซอร์ไพรส์ด้วยการแอบจองโต๊ะที่ร้านอาหารไว้ให้เราไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกัน เรื่องนี้เราไม่คาดคิดมาก่อนเพราะคิดเอาเองว่าช่วงนี้ค่าใช้จ่ายเยอะ พึ่งทำเรื่องซื้อบ้าน ต้องประหยัด ฉะนั้นเรื่องกินข้าวนอกบ้านเลยถือเป็นเรื่องเซอร์ไพรส์สำหรับเรา ทีแรกเทรฟแอบพูดทำนอง..บางทีเราก็ออกไปกินข้าวกัน..เราเถียงว่า..จะไปได้ยังไง ถ้าจะออกไปวันนี้ (หมายถึงเมื่อวาน วันวาเลนไทน์) เราก็ต้องจองโต๊ะก่อน มาจองเอาป่านนี้โต๊ะคงเต็มหมดแล้ว..เทรฟก็ทำท่ามีเลศนัยแล้วตอบว่า..ก็บางที..ผมก็อาจจะจองโต๊ะไว้แล้วไง...เย้! เราร้องสุดเสียง ดีใจ..แต่ไม่ได้ดีใจที่ได้กินข้าวนอกบ้าน เราดีใจที่เขาให้ความสำคัญกับโอกาสพิเศษแบบนี้ เทรฟให้การ์ดวันวาเลนไทน์อันใหญ่เบ้งงง เขียนข้อความข้างในเป็นภาษาไทย! มีใจความว่า..


แมทนหัวโปรง


ฉันจะรักสำหรับคณเสมอ


คนที่รักยง


เทรฟ
xxxx


เทรฟชะโงกหน้ามาถามว่า..เขียนถูกไหม..เอ่อ ..เราอึ้งไปนิดนึง (เพราะพยายามเรียบเรียงอยู่ว่า มันควรจะเขียนว่าอะไร)..แล้วเทรฟก็พูดต่อว่า..ต้องถูกสิ ก็ผมลอกออกมาจากเวบไซต์เลยนะ.. เทรฟหมายถึงเขาใช้วิธีคีย์ข้อความภาษาอังกฤษเข้าไป แล้วให้เวบไซต์นั้นแปล..


หลังจากตั้งสติและเข้าใจความหมายในการ์ดเรียบร้อยแล้ว เราก็เปลี่ยนสีหน้าจากงงๆเป็นยิ้มแก้มปริ..ขอบคุณค่ะที่รัก น่ารักจังเลย..เราเอ่ยปากชมและขอบคุณเขาสำหรับความพยายาม ลายมือภาษาไทยตัวใหญ่เบ้งเหมือนเด็กป.1 หัดเขียนหนังสือครั้งแรกทำเอาเรายิ้มปลื้มไปกับความพยายามของเขาทุกครั้ง ..ที่รักคะ ว่าแต่คุณไปใช้บริการเวบไหนมาเนี่ย ขอแนะนำว่าเลิกใช้เวบนั้นไปเลยนะคะ และท่าทางคุณต้องเริ่มต้นเรียนภาษาไทยอย่างจริงจังแล้วล่ะ..เราว่าต่อแบบทีเล่นทีจริง


เมื่อวานหลังจากกลับจากวิ่ง ซึ่งจริงๆ หนักไปทางเดิน เพราะเราอยากเดินสูดอากาศมากกว่า ท้องฟ้าแจ่มใส แดดออกช่วยทำให้ไม่หนาว เลยไม่อยากเร่งตัวเองด้วยการวิ่งให้หายใจหอบ (ทั้งอาทิตย์ที่ผ่านมาหายใจไม่ทั่วท้องเพราะความเครียดมาพอแล้ว) พอกลับเข้าบ้านเราทวงเทรฟเรื่องซื้อผ้าห่ม..คือว่า..ด้วยความที่อากาศหนาว เวลาที่เรานั่งที่โซฟาเราจะมีผ้าห่มผืนย่อมไว้คลุม (หน้าตาคล้ายๆผ้าสำลี) เขาเรียกว่า fleece มันเป็นผ้าขนสั้นๆ นุ่มๆ เราชอบผ้าห่มสไตล์นี้มาก เห็นที่ไรก็จะร้องซื้อทุกที (มีผืนเดียวไม่เคยพอ) แต่เทรฟก็ยอมให้ซื้อเพิ่มได้แค่อีกผืนเดียว สรุปคือมีสองผืน ผืนนึงไว้คลุมตัวท่อนบน อีกผืนไว้คลุมขา ทีนี้พอมันเป็นสองผืนเวลาจะลุกไปหยิบหรือทำอะไรมันก็รื้อออก คลุมใหม่ตลอด โดยเฉพาะเท้ามันจะเย็นมาก เราก็เลยอยากได้ผ้าห่มผืนใหม่ที่มันใหญ่คลุมทั้งตัว วันก่อนเห็นโบรชัวร์ขายของเป็นผ้าห่มแบบนี้ที่เขาเย็บแบบให้มีที่ใส่แขนด้วย เรียกว่าจะเอามือหยิบจับอะไรมันก็ยังอยู่ใต้ผ้าอ่ะ แล้วแถมมีช่องให้เอาเท้าเสียบไว้ใต้ผ้าห่มได้ด้วย ดูเพอร์เฟ็คซะ เราก็เลยอ้อนขอเทรฟซื้อ แต่ปัญหามันคือตั้งเกือบยี่สิบปอนด์ ในขณะที่ผ้าห่มที่ปกติซื้อมาราคาสองปอนด์เอง เราเห็นเทรฟทำท่าคิดหนักก็เลยบอกว่า..งั้นเราดูในอีเบย์มะ เผื่อมันมีที่คล้ายๆกันราคาถูกกว่าอ่ะ....ซึ่งในที่สุดหลังจากที่นั่งจ้องจอคอมฯกันราวหนึ่งชั่วโมง เราก็ได้สินค้าหน้าตาใกล้เคียงกันในราคาแปดปอนด์ (สี่ร้อยกว่าบาท) เย้ๆๆๆ (ต้องขอบคุณเทรฟที่ยอมเสียเวลาเพื่อเรา ฮี่ฮี่)


บ่ายวันนั้นหลังเราจากเราจัดการอาหารกลางวันรสจัดจ้านของใครของมันแล้ว เราก็ออกไปช็อปปิ้งกันอีกรอบ หนนี้ต้องเรียกว่า noodle trip เพราะเราไปตลาดขายของเอเชียกัน เราขนซื้อสารพัดเส้นก๋วยเตี๋ยวมาตุนไว้ ทั้งมาม่าสารพัดรส เส้นเล็ก เส้นหมี่ เส้นบะหมี่ แผ่นเกี๊ยว ฯลฯ เรียกว่าอะไรไม่มีขายในเทสโก้ก็ขนมาให้หมด เทรฟมองหน้าเรางงๆ ว่าสารพัดก๋วยเตี๋ยวที่หอบมามันต่างกันยังไงหนอ แต่เทรฟไม่ได้พูดอะไรเพราะ he has no idea เทรฟไม่มีความรู้ก็เลยไม่มีสิทธิวิจารณ์..ว่าง่ายๆ


เรากลับมาบ้านนั่งจิบกาแฟรอเวลากันเล็กน้อย ก่อนออกจากบ้านอีกครั้งเพื่อไปกินข้าวมื้อพิเศษกัน เรานั่งรถเมล์เข้าไปที่ซิตี้เซ็นเตอร์..เทรฟชวนไปร้านอาหารไทย! จริงๆ เราก็เกือบหลุดปากพูดไปว่า.."จะไปทำไม ทำกินเองที่บ้านก็ได้ อร่อยกว่าด้วย"..แต่ดีที่นึกได้เสียก่อนว่า..ข้าวมื้อนี้ไม่ได้สำคัญที่ว่าจะกินอะไร แต่สำคัญที่เราไปที่นั่นกันเพื่อระลึกความหลังกันต่างหาก..ร้านนี้เราเคยไปกินด้วยกันตอนที่คบกันใหม่ๆ..ช่วงนั้นทุกครั้งที่เราเจอกัน เรามักเลือกจะเลือกกินอาหารไทย เพราะเทรฟจะได้มีโอกาสกินอะไรที่พิเศษแตกต่างจากปกติที่สั่งเอง เพราะเราจะคุยกับพนักงานเขาขอให้เขาทำอะไรที่มันเป็นไทยแท้ๆ ฉะนั้นเราก็จะมีหน้าที่เป็นคนสั่งตลอด.. ฉะนั้นวันนี้เราจึงไปเยือนร้านอาหารนี้อีกครั้งด้วยสถานะภาพที่ต่างไปจากสองปีก่อน


อิอิ ..และแล้วเราก็เจอปัญหาอย่างที่คาด นั่นคือไม่รู้จะสั่งอะไร เพราะอาหารส่วนใหญ่ในเมนูเราก็ทำกินเองได้ที่บ้านอยู่แล้ว เราเลยเลือกเป็ดผัดกระเพรา เพราะไม่ค่อยได้กินเป็ดกัน อ่อ..เห็นผัดกระเพราอย่าทำเป็นขำไปนะคะ กระเพราไทยแท้ๆที่นี่แพงใช่ย่อยนะ เพราะฉะนั้นสั่งผัดกระเพราไม่เคยได้เห็นกระเพราเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเป็นพริกหยวก หัวหอม และผักเมืองหนาวอื่นๆแทน ..เฮ้อ..
อ้อ เราสั่งทอดมันมากินแก้คิดถึง เพราะยังไม่มีโอกาสทำกินเอง พอเราอรรถาธิบายวิธีทำให้เทรฟฟังพร้อมกับได้รับคำยืนยันว่าปลาอินทรีย์ที่นี่ไม่แพงอย่างที่เราคิด..อ่า...ทีนี้กว่าร้านไทยจะได้กินตังค์เราอีกก็คงอีกนานล่ะทีนี้ อิอิ


บรรยากาศมื้อเย็นวันนี้เป็นไปด้วยดีมากๆ เรากับเทรฟคุยกัน เล่นกันเหมือนเด็กๆ แซวกันเหมือนเมื่อตอนคบกันใหม่ๆ เราดีใจที่สถานะภาพที่เปลี่ยนไปไม่ได้ทำให้เรารู้สึกเฉยๆ กับโอกาสพิเศษด้วยเหตุผลที่ว่า.."ก็เราก็เห็นหน้ากันอยู่ทุกวันอยู่แล้ว" ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเมื่อไหร่..ชีวิตรักเราคงเศร้าน่าดู


อ้อ ลืมเล่าเหตุผลว่าทำไมวันนี้เราเลือกนั่งรถเมล์มากินข้าวกัน ก็แหม วันนี้มันเป็นโอกาสพิเศษ เพราะงั้นก็ต้องดื่มฉลอง ถ้าเทรฟขับรถเทรฟก็อดดื่ม เพราะงั้นก็..ใช้บริการรถโดยสารสาธารณะนั่นแหละดีแล้ว ถูกและดี ฮี่ฮี่


ในที่สุดบรรยากาศวันวาเลนไทน์ของเราสองคนในปีแรกที่ได้อยู่ด้วยกันก็ผ่านไปอย่างชื่นมื่น สนุกสนาน และมีความสุขกันมากๆ ..เรากลับถึงบ้าน พอหัวถึงหมอนสองคนก็หลับเป็นตาย..
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:31 am

19Feb2010 ฟ้าแจ้งจางปาง

เกือบเที่ยงแล้ว วันศุกร์ (เย้) ที่ 19 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


นี่ท่าเป็นปกติป่านนี้แจ้นไปทำงานแล้ว เพราะเข้างานเที่ยงครึ่ง แต่วันนี้คุณสามีทำงานที่บ้านก็เลยอาสาขับรถไปปล่อย เอ๊ย ไปส่ง ..แหม น่ารักจริงๆ..


วันนี้อากาศดี (รึเปล่าหว่า) เอาเป็นว่าดีกว่าเมื่อวานเพราะเมื่อวานทั้งลม ฝน หิมะ มากันให้วุ่นนุงนัง ทำเอาดิฉันเปียกซกตอนปั่นจักรยานไปทำงาน วันนี้ฟ้าแจ้งแดดแจ๋ แต่ขอโทษหนาวเข้าไส้ค่ะ อุณหภูมิมั่นใจได้ว่าไต่อยู่ที่หนึ่งหรือสององศาเท่านั้น


ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เขียนไดอารี่เพราะชีวิตประจำวัน อย่างน้อยสองในสามของวันเหมือนกัน คือนอนกะทำงาน ที่ทำงานก็แสนจะไม่มีอะไร และเราก็พยายามลดอาการตื่นกลัวจากการทำงานผิดพลาด เพราะจริงๆ มันไม่มีอะไรซีเรียสเลย และทุกคนที่ทำงานก็ปฏิบัติต่อกันน่ารักมากๆ คือเขาจะคอยช่วยเหลือกัน ช่วยกันแก้ปัญหา ช่วยกันทำ ไม่ใช่คอยแต่จะหาคนผิดหรือคอยจับผิดกัน บรรยากาศในที่ทำงานก็เลยสนุกสนานเฮฮา ทำไปกินไปซะส่วนใหญ่..หมายถึง กินน้ำอ่ะ อิอิ


วันนี้อย่างที่บอกว่าเทรฟจะขับรถไปส่งก็เลยออกจากบ้านช้ากว่าปกติได้ แวบมาเขียนอีเมล์ซะหน่อย ก่อนที่เพื่อนฝูงจะลืมเรา อิอิ


วันพรุ่งนี้วันหยุด มีโปรแกรมเยอะเลย แล้วจะเก็บมาเล่าให้ฟัง


ทำงานกะเย็น (เที่ยงครึ่งถึงสามทุ่ม) ก็ดีตรงไม่ต้องตื่นสาย แต่แย่หน่อยตรงที่ไม่ค่อยได้เจอหน้าเทรฟแฮะ เพราะเช้าเทรฟไปทำงานเราก็ยังไม่ตื่น เย็นเทรฟกลับมาเราก็อยู่ที่ทำงาน พอเรากลับมาถึงบ้านราวสามทุ่มกว่า อาบน้ำเสร็จก็ได้เวลานอนแล้ว ไม่ค่อยได้คุยกันเลย แย่จัง..แอบเหงาๆ ไงไม่รู้ พอวันนี้เทรฟอยู่บ้านเราเลยรู้สึกสุขขี แกล้งเทรฟตลอด (ทั้งๆ ที่เขาต้องทำงาน) อิอิ ก็อยากไม่ค่อยได้เจอหน้ากันให้แกล้งนี่นา เทรฟก็ชอบให้เราแกล้ง ไม่เราแกล้งเทรฟ เทรฟก็มาแกล้งเราซะงั้น แหย่กันไปแหย่กันมาเหมือนลูกแมวสองตัวเล่นกัน เหอๆๆ สนุกดี พรุ่งนี้ได้หยุดพร้อมกัน หวังว่าสัมพันธภาพจะดีขึ้นตามลำดับ (เอ๊ะ แล้วของเดิมมันแย่ตรงไหนเหรอ??) เอาเป็นว่าได้มีเวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นอ่ะ เราไม่ชอบให้ชีวิตคู่อยู่กันแบบมีแต่งาน ทำแต่เรื่องเดิมๆ จนเกิดความเคยชิน เพราะถ้ามันเคยชินว่าการมีหรือไม่มีอีกคนก็ไม่ต่างกัน แล้วมันจะมีอีกคนไปทำไม (วะ) และนี่แหละสัญญาณอันตรายที่เราไม่ชอบ ฉะนั้นใครโชคดีมีคนอยู่ข้างๆ ก็อย่าลืมดูแลความรู้สึกของกันและกันเยอะๆ นะจ๊ะ อย่าปล่อยให้เขาเหงานาน ไม่งั้นเราอาจจะเป็นฝ่ายเหงาเองในที่สุด


ไปล่ะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:32 am

21Feb10 weekly update?

เกือบสองทุ่มแล้ว วันอาทิตย์ที่ 21 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


อืม..มันกลายเป็นอัพเดทรายสัปดาห์ไปแล้วเนอะ ไม่ใช่ไดอารี่ (แบบที่เขียนทุกวัน) อิอิ


อัพเดทวันนี้ก็คงเป็นเรื่องของเมื่อวานนี้อ่ะดิ วันเสาร์ที่ผ่านมาเรากับเทรฟใช้เวลาวันหยุดสุดสัปดาห์วันเดียวที่เรามีอย่างคุ้มค่า..


เดิมที่เดียววันนี้ก็มีตารางแน่นอยู่แล้ว แต่ไม่วาย..ก็ตอนเช้ายังว่างอยู่ อย่ากระนั้นเลย..ซะหน่อย..


เราอ้อนเทรฟว่าไปหาซื้อผลไม้จากร้านขายผักผลไม้ (Greengrocer) กันเหอะ..คือร้านพวกนี้ของจะสดกว่า ถูกกว่าซื้อจากห้างอ่ะ แต่แย่ตรงที่มันปิดวันอาทิตย์..เทรฟมองหน้าเราทำหน้าชั่งใจเพราะของอย่างเดียวที่ขาดคือผลไม้ของโปรดเรา ซึ่งจริงๆ เทรฟก็ซื้อมาให้กินบ้างแล้ว..แต่กินหมดไปแล้ว ขืนกินขนาดนี้ซื้อจากห้างอย่างเดียวมีหวังหมดตัว..เราเสนอ..ไปเวสเทิร์นออนทริม (Western on Trym) ดิก็เทรฟอยากไปไม่ใช่เหรอ..เทรฟทำหน้า..เอ้อ ใช่ งั้นไปก็ได้ ..เย้ ได้ออกจากบ้านไปซื้อของแล้ว


เวสเทิร์นออนทริมเป็นอีกย่านเล็กที่น่าสนใจทีเดียว พึ่งเคยไปเหมือนกัน เมืองยังคงมีสภาพบ้านเมืองแบบเดิมๆ ไว้ (ไม่ดูเป็นเมืองที่พึ่งสร้างใหม่เหมือนแบรดลี่่สโตคที่เราอยู่มากนัก) ก็น่ารัก น่าอยู่ดี เราเดินวนๆ ดู..เย้ ที่นี่มีทั้ง greengrocer, butcher (ร้านขายเนื้อ..อารมณ์แบบเขียงหมูบ้านเรา แต่สะอาดกว่าเยอะมีทั้งหมู เนื้อ แกะ ไส้กรอกทำสด บางร้านอาจขายแค่เนื้ออย่างใดอย่างหนึ่งก็ได้) แล้วก็ร้านกาแฟน่ารักๆ ด้วย เราเดินกันอย่างเพลิดเพลินแต่ได้ไม่นาน เพราะมันหนาวเอาการแม้ว่าแดดจะออก เราซื้อของกันเสร็จแล้วก็รีบกลับบ้าน เบ็ดเสร็จใช้เวลาไม่เกินชั่วโมง เราขนซื้อส้มสารพัด เทรฟมองแล้วบอก..อืม ถูกกว่าที่คิงส์วูดแฮะ (ย่านปกติที่มักพากันไปซื้อผักผลไม้) เราเลยตกลงกันว่า ไว้อาทิตย์หน้ามาที่นี่แทนดีกว่า มาที่เดียวได้ครบเลย เพราะที่คิงส์วูดไม่มีร้านขายเนื้อ


กลับถึงบ้านก็จัดการอาหารกลางวันกัน ก่อนที่จะออกจากบ้านอีกครั้ง


บ่ายนี้เรามีนัดกับคลับพ่อรวย (RichDad Club) ใครเคยอ่านหนังสือพ่อรวยสอนลูกของโรเบิร์ต คิโยซากิ ก็น่าจะคุ้นเคยกับคำว่าพ่อรวย พ่อจน เราชวนเทรฟไปคลับเพราะว่าต้องการให้เทรฟเล่มเกมกระแสเงินสด (Cash flow game board) เราเคยเล่นเกมนี้ตอนอยู่เมืองไทย (ต้องขอบคุณอรที่พาไปเล่นนะจ๊ะ) เราเล่นได้ความรู้สึกบางอย่างที่อยากให้เทรฟเข้าใจ ก็เลยอยากให้เทรฟลองเล่น แล้วเราสองคนก็จะได้มีไอเดียเรื่องการใช้ชีวิตไปในทิศทางเดียวกัน


เวลาสองชั่วโมงครึ่งผ่านไปอย่างรวดเร็ว ไม่ดูยาวนานเหมือนสองชั่วโมงครึ่ง เทรฟชอบอกชอบใจเกมส์มาก เราดีใจที่เทรฟเริ่มได้ไอเดียบางอย่าง และเริ่มเข้าใจว่าเราพูดถึงอะไร มันช่วยให้อะไรๆง่ายขึ้นเยอะเลย...สิ่งนึงที่เทรฟได้หลังจากเล่นเกมส์นี้คือ..ทุกครั้งที่ใช้เงินออกไปหนึ่งปอนด์ มันทำให้รู้สึกว่ามันไม่ได้เสียแค่หนึ่งปอนด์ที่ใช้ไป แต่หมายถึงอีกหนึ่งปอนด์ที่เสียโอกาสในการลงทุน.. โห..อึ้งไปเลยเรา.. เลยทำให้จากเดิมว่างกกันอยู่แล้ว ตอนนี้ยิ่งงกกันกว่าเดิม อิอิ


หลังจากออกจากคลับ เราดิ่งกลับบ้านกัน ทำข้าวเย็นกันอย่างรวดเร็ว กินกันอย่างด่วน ก่อนจะออกไปนัดต่อไป..ค่ำนี้เราจะไปดูละครกัน


ละครที่ว่าเขาเรียกว่าแพนโทมายม์ Pantomime เป็นละครที่มักเล่นช่วงคริสตมาส ไอเดียของละครแบบนี้ก็คือเอานิทานที่เป็นที่นิยมมาดัดแปลง ทำให้มีสีสัน มุขตลก และที่สำคัญคนดูมีส่วนร่วมในการแสดงด้วย หมายถึงว่า ตัวละครก็จะพูด หรือเล่นกับคนดูด้วยอ่ะ เช่น เอ๊ะ วัวฉันหายไปไหนนะ?? คนดูก็จะตะโกนว่า "It's behind you!" (อยู่ข้างหลังไง) Where? (ที่ไหนนะ?) It's behind you! (อยู่ข้างหลังไง) หรือไม่ก็ต่อล้อต่อเถียงกับคนดู, โยนนู่นโยนนี่ใส่คนดู อะไรทำนองนี้


ละครเมื่อคืนสนุกใช้ได้เลย (เสียดายเราแอบง่วงไปหน่อย พักหลังเข้านอนหัวค่ำ พอสามทุ่มก็หาวแล้ว) มีสีสัน มีเพลงประกอบ (ร้องสด)ตลอด แล้วก็ตัวละครก็มีมุขฮาๆ เยอะ อ้อ ลืมบอกว่าเขาเล่นเรื่องซินเดอเรลล่า เป็นครั้งแรกที่ดูซินเดอเรลล่าภาษาอังกฤษ ฮี่ฮี่ เนื้อเรื่องน่ะไม่ค่อยเหมือนต้นฉบับเท่าไหร่หรอก แต่บทที่เขาดัดแปลงนี้เจ๋งใช้ได้ เทรฟมันเป็นมุขที่เด็กดูก็ขำ แต่ผู้ใหญ่ดูขำกว่า เพราะเป็นมุขเสียดสี (ออกแนวต้องคิด) ตามแนวอารมณ์ขันแบบอังกฤษ มิน่าคนดูถึงไม่ได้มีแต่เด็กๆ ..เราแอบคิด..อ่ะนะ ก็มันละครของคนที่อยู่ในย่านนี้ เล่นโดยคนที่นี่ อย่างน้อยเขาก็ซื้อตั๋วมาดูญาติ ดูเพื่อนตัวเองกันบ้างแหละว้า..อิอิ


แต่ยังไงก็ต้องบอกว่าโรงละครเขามีคุณภาพเกินกว่าจะเป็นโรงละครของเมือง (หรือตามหอประชุมโรงเรียนปกติ) เพราะแสง สี เสียง ตระการตาใช้ได้เลย แล้วก็เป็นครั้งแรกที่เราพึ่งเคยเห็นว่าช่วงพักครึ่งเขาขายไอติมเป็นของว่าง อืม..ไอติม..ตอนอุณหภูมิต่ำกว่าห้าองศา แถมหิมะข้างนอกยังละลายไม่หมดเลยนะนั่น..แต่เราก็ซื้อมากิน แฮ่..อยากมีส่วนร่วมอ่ะ..


จริงๆ วัตถุประสงค์หลักของการมาดูละครก็คือ เทรฟอยากให้เรารู้จัก Pantomime เพราะมันมีให้ดูแค่ช่วงนี้เท่านั้นด้วย (จริงๆ ลากยาวมาถึงกุมภาฯนี่ก็แปลกมากแล้ว) อีกอย่างเราก็ไม่เคยดู เคยแต่ได้ยิน ที่นี้จะได้รู้จักจริงๆเสียทีว่ามันคืออะไร เทรฟว่านี่อาจจะเป็น Pantomime ครั้งแรกและอาจจะครั้งสุดท้ายของเรา เพราะส่วนใหญ่เขาพาเด็กๆ มาดูไง ขนาดเทรฟเองครั้งสุดท้ายที่ดูก็คือตอนหกขวบ..อิอิ เพราะงั้นถ้าไม่พาลูกไปดู เราก็คงไม่เสียเงินไปดู..อืม ฉะนั้นนี่ก็เป็นอีกหนึ่งประสบการณ์แปลกใหม่..เสียดายเขาไม่ให้ถ่ายภาพ ไม่งั้นจะเก็บภาพบรรยากาศมาฝาก


อ่ะ..ได้เวลาเข้านอนแล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า ไปนะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:33 am

24Feb2010 มาแล้ว มาแล้ว..หายไปเสียหลายวัน?

บ่ายสี่โมงเย็น วันพุธที่ 24 กุมภาพันธ์ 2010 @ flat


ขออภัยหายไปเสียหลายวัน วันนี้ยังพอมีสติสตางค์อยู่บ้าง (แต่ก็เหลือน้อยเต็มที) ก็มาเมาท์ให้ฟังก่อนหนีไปงีบ ก็แหม วันนี้ตื่นตั้งแต่ตีสี่ เริ่มงานตอนตีห้า พอบ่ายมามันก็ง่วงอย่างนี้แล..


เมื่อวานวันหยุดเรา (วันหยุดจะหมุนเวียนไปตามตารางงานที่จะออกเป็นรายอาทิตย์ ฉะนั้นวันหยุดจะไม่แน่นอน แต่จะได้หยุดสองวันต่ออาทิตย์) เทรฟน่ารักมากเลย ย้ายวันทำงานที่บ้านที่จากเดิมจะเป็นวันศุกร์เปลี่ยนมาเป็นเมื่อวานนี้แทน (เทรฟได้สิทธิเลือกทำงานที่บ้านได้อาทิตย์ละวัน..คือไม่ต้องเข้าออฟฟิศอ่ะ ออกแนวโฮมออฟฟิศ-Home Office)


ตอนเช้าเราตื่นกันไม่สายเท่าไหร่ เพราะอย่างที่บอกยังไงเทรฟก็ต้องทำงาน เราตื่นมาดูรายการโปรดตอนเช้า รายการที่ว่าเป็นรายการซ่อมบ้าน ปรับปรุงบ้าน เขาจะเลือกเคสที่สมัครเข้ามาแล้วก็ไปช่วยแนะนำเรื่องปรับปรุงบ้านภายในงบที่เจ้าของบ้านตั้งไว้ ทีมงานจะช่วยเหลือพวกเรื่องข้อมูลคำแนะนำ ทั้งเรื่องก่อสร้างว่าต้องระวังอะไร ทำอะไรบ้าง แนวทางการตกแต่ง พาไปดูสถานที่ตัวอย่าง เช่นถ้าจะต่อเติมตรงนี้จะทำยังไงได้บ้าง จากนั้นก็จะช่วยทำแบบร่างมาเสนอเจ้าของบ้านสามแบบด้วยกันคือ แบบ On Budget-ตามงบที่กำหนด, Under Budget-ต่ำกว่างบที่กำหนด , Over Budget-เกินงบฯ จากนั้นเจ้าของบ้านก็ไปติดต่อช่างแล้วก็จัดการเรื่องอื่นๆ เอาเอง พอเวลาผ่านไปซักพักทีมงานก็จะมาตามดูผลงาน..เราดูรายการนี้เพื่อไว้เป็นข้อมูลทั้งเรื่องงบประมาณราคาของ เรื่องกฎระเบียบ และข้อควรระวังในการปรับปรุงส่วนต่างๆ ของบ้าน เพราะเรื่องกฎระเบียบที่นี่เคร่งครัดมาก เช่นคุณจะต่อเติมบ้านได้ไม่เกิน 10% ของพื้นที่บ้านทั้งหมด, ถ้าต่อเติ่มหรือเปลี่ยนแปลงอะไรก็ตามที่เกี่ยวข้องกับกำแพงที่มีเพื่อนบ้านอยู่อีกฟากคุณต้องขออนุญาตเพื่อนบ้านก่อน, ดูเรื่องงบประมาณหากในพื้นที่ที่จะทำมีเรื่องระบบท่อน้ำ(ทั้งน้ำทิ้ง น้ำดี)มาเกี่ยวข้อง เพราะต้องเกี่ยวข้องกับการย้ายระบบท่อ ระบบไฟ สารพัด ซึ่งตรงนี้อาจใช้เงินเยอะกว่าที่คิด, ดูเรื่องระบบฉนวนกันความเย็นของบ้าน ฯลฯ พูดง่ายๆว่าเรียนรู้ไว้เพื่อศึกษาหาความรู้เผื่่อต้องใช้ในอนาคตนั่นแหละ


เราดูทีวีไป เทรฟก็ทำงานไป ซักพักพอใกล้ๆ เที่ยง เราก็ชวนเทรฟไปหัดขับรถกัน (พึ่งอ่านกฎจราจรฉบับล่าสุดของที่นี่ เลยรู้สึกอยากลองของจริง อิอิ..อ้อ กฎจราจรที่นี่เรียกว่า Highway Codeนะคะ เรื่องขับรถที่นี่ไว้เมาท์ให้ฟังวันหลัง) หัดได้แป๊บเดียวพอเราหิวข้าว เราก็ชวนกลับ กลางวันนี้ไหนๆ สามีสุดที่รักอยู่บ้านก็อยากให้กินอะไรดีๆ มีประโยชน์ ที่ไม่ใช่แซนวิช ซึ่งก็คือบะหมี่เกี๊ยวใส่กุ้ง (หมูแดงไม่มี กินกุ้งไปก่อนแล้วกัน) ฮ่าฮ่า ตั้งแต่สาวิตรีหาวิธีทำหมูเด้งด้วยตัวเองได้ ก็ลั้นลาไม่ง้อขนมจีบหรือเกี๊ยวจากร้านอาหารจีนอีกเลย ซื้อแผ่นเกี๊ยวมาห่อเองถูกกว่าเยอะเลย.. เกี๊ยวเราตัวอ้วนกลมลูกเท่าขนมจีบ กินแล้วสะใจมากๆ


พอเสร็จจากมื้อกลางวัน เราก็นั่งอ่านหนังสือไปตามเรื่อง หาข้อมูลจากเน็ตบ้าง ส่วนเทรฟก็ทำงานไป พอซักพักเทรฟเห็นเราออนไลน์ก็ร้องขึ้นมาเพราะตัวเองนึกขึ้นมาได้ว่าต้องหาข้อมูลจากเน็ต เราก็เลยลุกจากหน้าคอมฯเราให้เขาใช้..
"อืม..ใช่ ใช่ ผมนึกออกแล้ว ว่าผมจะค้นอะไรจากเน็ต" เทรฟรำพึงขณะที่เราเดินหลบให้เขามานั่งหน้าจอ
"กฎการนับคะแนนสควอชนี่เอง" เทรฟร้องออกมาอย่างดีใจ
"???" เราฟังอย่างงงๆ "เทรฟ..งานเสร็จยัง? นี่มันเวลางานไม่ใช่เหรอ??" เราถาม
"ฮี่ฮี่ฮี่" หัวเราะแก้เก้อซะงั้นสามีฉัน


ซ้าาากพักเราก็ลุกไปทำอะไรกุ๊กกิ๊กๆ ในครัว..อิอิ จริงๆ ก็คือเตรียมเกี๊ยวกุ้งใส่ตู้แช่แข็งไว้กินวันหลัง กับย่างไก่ไว้กินเป็นอาหารเย็นวันนี้ วันนี้วันหยุดเลยเข้าครัวทั้งวัน
พอตกเย็นก็ได้เวลาไปตีสควอช เทรฟทำท่ากระหยิ่มยิ้มย่องบอกว่าวันนี้ใส่คอนแทคเลนส์แบบสายตายาว ฉะนั้นเราเตรียมตัวแพ้ได้เลย แถมรู้วิธีนับคะแนนแบบ(ไม่มั่ว)ถูกต้องแล้วด้วย เราเสร็จแน่..เทรฟว่างั้น


ผลก็คือ เราแพ้ห้าเกมรวด ฮ่าฮ่า มะเป็นไร ไว้เล่นกันใหม่วันหลัง..แหม่ๆๆๆ วิ่งให้ทันลูกก็เก่งแล้ว แถมสายตาก็ไร้ประสิทธิภาพตีลูกไม่โดนซะเป็นส่วนใหญ่ อิอิ ไม่เป็นไร เราไม่ยอมแพ้ อาทิตย์หน้าแก้มือใหม่


กลับมาบ้านก่อนที่จะลงมือกินข้าว เนื่องจากเราแวะไปจ่ายตลาดมาด้วย แหม พูดเหมือนไปตลาดสดเมืองไทย คือ..แวะไปซื้อของที่เทสโก้มา อ้อ..พูดถึงเทสโก้ขอเมาท์นิดนึง คือว่าเทสโก้ที่นี่เขามีระบบสะสมแต้ม..คิดว่าที่เมืองไทยก็คงมีเหมือนกัน..แต่ไหนแต่ไรคุณสามีคนดีไม่เคยสนใจ เขาถามมีบัตรสมาชิกไหม ก็บอกไปว่าไม่มีเพราะขี้เกียจหยิบซะงั้น..แต่พอหลังจากที่ค้นพบว่าเขามีการส่งคูปองใช้แทนเงินสดมาให้ (มันใช้แทนเงินสดได้จริงๆ แบบไม่ต้องมีคะแนนหลักแสน) ก็เลยเริ่มตื่นตาตื่นใจ เพราะล่าสุดเขาส่งมาให้ทั้งหมด 31 ปอนด์ แล้วมันก็ใช้ง่ายแสนง่าย ไม่ต้องกรอก ไม่ต้องมีเงื่อนไข ก็แค่ยื่นให้เขาจะใช้ทั้งหมดนั่นหนเดียวหรือแบ่งเป็นครั้งๆ ไปก็ได้ (มันแยกมาเป็นคูปองสามใบ) ใช้ซื้ออะไรก็ได้ เติมน้ำมันก็ได้ (อ้อ เทสโก้ที่นี่มีปั้มน้ำมันเป็นของตัวเอง มีบริษัทประกัน บัตรเครดิตเป็นของตัวเอง) เทรฟอธิบายให้เราฟังว่าทุกหนึ่งคะแนนจะเท่ากับหนึ่งเพนนี (หนึ่งปอนด์มีร้อยเพนนี) คราวก่อนเรามีอยู่สามพันหนึ่งร้อยคะแนนเราก็เลยได้คูปองมาสามสิบเอ็ดปอนด์ เทรฟตื่นเต้นมากทีนี้ไม่มีลืมควักบัตรสมาชิกล่ะ แถมล่าสุดยังคอยเช็คอีกว่าช็อปปิ้งแต่ละหนได้มากี่คะแนน อ้อ ยิ่งช่วงมีโปรโมชั่นดับเบิ้ลคะแนนยิ่งดีใหญ่...เฮ้อ..คุณสามีดิฉัน..


อ่ะกลับมาเรื่องเดิม ไปซื้อของมา วันนี้ได้ปลาอินทรีย์มาด้วย สองตัวเล็กๆ (ใหญ่เท่าปลารังตัวใหญ่ๆ บ้านเราเอง) เราตั้งใจเอามาลองทำทอดมัน..และแล้วมันก็สำเร็จ เราทำทอดมันได้ออกมารสชาติเหมือนทอดมันมาก (เอ๊ะ มันน่าตื่นเต้นตรงไหนเนี่ย?) ที่นี้ล่ะ ร้านอาหารไทยก็ไม่ได้กินเงินเราอีกแล้ว เพราะที่นี้ก็ไม่มีอะไรพิสดารในเมนูร้านไทยที่เราต้องดั้นด้นไปกินแล้ว ทุกอย่างทำกินเองที่บ้าน อิอิ


แล้วกับข้าวเย็นนี้ก็เลยมี ไก่ย่าง ข้าวเหนียว (ควรจะเป็นส้มตำ) ยำรสแซ่บ ทอดมันและลูกชิ้นทอดของโปรดข้าเจ้า..อืม มีความสุขจริงๆ


ส่วนเมนูเย็นนี้ก็จะเป็นข้าวสวย ผัดเผ็ดเนื้อ และผัดผักกาดขาวใส่เห็ด..ดูเมนูแล้วไม่ได้มีอะไรน่าตื่นเต้นเลยเนอะ..แต่อย่าลืมนะคะว่าที่นี่อังกฤษ..เครื่องปรุงอาหารไทยแพงกระฉูด ผักกาดขาวที่นี่หัวละเกือบห้าสิบบาทในขณะที่บ้านเราขนาดเดียวกันไม่เกินสิบบาท..อิอิ เพราะงี้มีอาหารไทยกินที่นี่ถึงหรูน่าดู..ว่าแล้วไปดีกว่า


บ๊ายบาย ไว้เจอกันเมล์หน้านะคะ
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:34 am

26Feb2010 Just a quick update?

11.55 am 26 Feb 2010 @ flat


หวัดดีจ้าทุกคน


แวบเข้ามาเขียนเมล์ทิ้งท้ายก่อนออกไปทำงานในอีกสิบนาทีนี้


ช่วงนี้เทรฟกังวลมากมายกับการซื้อประกันชีวิตเพื่อเป็นหลักประกันเงินกู้ซื้อบ้าน (คือที่นี่ทุกครั้งที่กู้เงินซื้อบ้านต้องซื้อประกันชีวิตควบคู่ไว้ด้วย ไม่ใช่เพื่อคนข้างหลัง แต่เพื่อจะได้มีเงินจ่ายคืนแบงค์) เทรฟเกรงว่าด้วยอายุอานามที่ไม่น้อยจะก่อให้เกิดปัญหาว่าประกันไม่ผ่าน แต่ที่ผ่านมาเอกสารและคำถามมากมายพรั่งพรูมาที่เรา (ซึ่งเราก็ไม่ได้ทุกข์ร้อนอะไรเลย) เพราะ หนึ่งเราเป็นต่างชาติ พึ่งย้ายมาอยู่ ไม่มีประวัติการรักษาหรืออะไรเลยที่นี่ สองเรามาจากประเทศที่มีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ HIVs และโรคของประเทศเขตร้อน เพราะงี้คำถามอะไรที่เขาถามมาแล้วมันควรจะตอบ No แล้วเรา ตอบ Yes มันก็จะมีคำถามอื่นๆ ตามมาอีก รวมไปถึงการตรวจเลือด ตรวจฉี่ ตรวจน้ำลาย ฯลฯ


ซึ่งวันนี้การตรวจสารพัดอย่างก็เกิดขึ้น แต่ที่มันเจ๋งก็คือ เขามีพยาบาลมาหาถึงบ้าน


บริษัทประกันทำการ outsource (หรือจ้างคนอื่นทำ) บริษัทข้างนอกในดำเนินการจัดการเรื่องประวัติสุขภาพ บังเอิญเหลือเกินที่สองบริษัทที่เทรฟสนใจจะซื้อประกันใช้บริการจากบริษัทตัวกลางเป็นบริษัทเดียวกันคือ Medical Centre แล้วก็บังเอิญอีกเช่นกันที่วันนี้จิล (Jill) ที่ที่แรกจะมาเจอเราด้วยคำร้องจากบริษัทเดียว (Tesco อย่างที่บอกไปวันก่อนว่าเทสโก้เขาก็มีบริษัทประกันเป็นของตัวเอง) แต่ระหว่างทางที่ขับรถมาเธอก็ได้รับข้อมูลเพิ่มว่าให้เก็บตัวอย่างน้ำลายจากเรา อันเป็นผลมาจากคำร้องจากบริษัทที่สองที่เทรฟสนใจซื้อประกัน ซึ่งก็คือ Aviva สองบริษัท สองกรมธรรม์ มีแนวนโยบายการขอประวัติข้อมูลลูกค้าที่ต่างกัน อีกอันอย่างได้ตัวอย่างเลือด อีกอันอยากได้ตัวอย่างน้ำลาย ก็อยู่ที่ใครจะยึดนโยบายอะไรอ่ะนะ โชคดีที่วันนี้จิลมาจัดการให้เสร็จในคราวเดียว จะได้ไม่ต้องนัดกันอีก เหตุที่เทรฟติดต่อสองบริษัท แต่ไม่ได้คิดจะซื้อทั้งสอง เพียงเพราะว่าอันไหนมันดำเนินการเร็วกว่าก็จ่ายเงินซื้อประกันกับคนนั้นเท่านั้นเอง เรื่องประกันต้องรีบทำให้เสร็จก่อนทนายติดต่อมาเรื่องแลกสัญญา (Exchange Contract) ซื้อขายบ้าน


เพราะงี้วันนี้ก็เป็นอีกหนึ่งเรื่องวุ่นที่เสร็จสิ้นไป


หวายๆๆ ต้องไปทำงานแล้วนะจ๊ะ แล้วไว้มาเมาท์ด้วยใหม่


Bye for now
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:40 am

1Mar2010 ไปเที่ยวมา..?

ห้าโมงสี่สิบห้า วันจันทร์ที่ 1 มีนาคม 2010 @ flat


ใกล้หกโมงเย็นแล้ว ใกล้เวลาอาหารเย็น เทรฟกะลังเตรียมสลัดอยู่ วันนี้เรามีสปาเก็ตตี้ซอสเนื้อ เราเตรียมซอสไว้แล้ว เทรฟทำสลัดกับขนมปังกระเทียม ฮี่ฮี่ ของชอบ..


วันเสาร์ที่ผ่านมาเราสองคนไปเที่ยวกัน..ก็แหม..วันหยุดวันเดียวของเรา (ที่ตรงกันสองคน) ก็ต้องใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด เราชวนกันไป Gloucestershire city (กล็อกเตอร์เชียร์ ซิตี้) เคาน์ตี้ (County) บ้านใกล้เรือนเคียง (คือที่นี่ระบบการปกครองเขาแบ่งเป็นเคาน์ตี้ เราอนุมานเอาเองว่ามันน่าจะคล้ายๆ กับระดับจังหวัด..แต่อาจจะใหญ่กว่านิดนึง) ที่นี่เราไม่เคยไป เทรฟก็ยังไม่เคยไป เราเลยชวนกันไป "เปิดหูเปิดตา" ประมาณเป็นการจัดทริปแบบกลายๆ เพราะเรายังไม่มีโอกาสไปไหนแบบค้างคืน อันเนื่องมาจากงานเราไม่ได้หยุดสองวันติดกันเหมือนงานออฟฟิศ


เราเดินเที่ยวดูตึกรามบ้านช่องกันไป อืม..ตึกเก่าๆที่นี่ดูสวยแปลกตาดี เราสองคนเลยดูเหมือนนักท่องเที่ยวกันไปเลย ตลกดี แต่ที่เป็นไฮไลท์ของวันคือโบสถ์ประจำเมืองหรือ Cathedral โบสถ์หลังใหญ่มากที่เดียว มีตั้งหลายห้อง เทรฟก็อธิบายประกอบไปด้วย อืม..อลังการดีแท้..เสียดายที่ว่าอากาศวันนี้อึมครึม ไม่มีแดด ถ่ายรูปออกมาเลยมืดน่าดู


หลังจากเดินดูโบสถ์แล้วก็เริ่มหิว..ว่าแล้วไปหาข้าวกินดีกว่า เทรฟเจอร้านอาหาร Confusion เอ๊ย..fusion food restaurant ที่มีทั้งซูชิ ขนมจีบ อาหารจีน อาหารอังกฤษ ทีแรกเทรฟแอบลังเลกลัวเราจะเบื่ออาหารจีนหรืองอนที่ชวนกินอาหารเอเชียทั้งๆ ที่ทำกินเองที่บ้านอยู่บ่อยๆ เราว่าไม่มีปัญหา เพราะขนมจีบเรายังทำไม่เก่ง แถมซูชิก็ไม่ค่อยได้กิน ก็เลยได้ที ฮ่าฮ่า..แต่ไปๆ มาๆ ข้าวที่ใช้ทำซูชิยังไม่เสร็จ ก็เลยอดไป..ไปๆ มาๆ อาหารก็ไม่ค่อยน่าประทับใจเท่าไหร่ แต่ราคามันไม่ค่อยแพง..ก็เอาวะ หยวนๆ


วันนี้เราถือโอกาสพักผ่อน "ตามอัธยาศัย" ตามสไตล์เรา นั่นก็คือ a cup of ICE coffee 'Expresso Frappucino with wipe cream' อิอิ และแน่นอนมันต้องเป็นสตาร์บัคส์..แหม่ๆๆ สายตาเหลือบไปเห็นสโลแกนล่าสุดของสตาร์บัคส์ It's not just coffee. It's Starbucks. Yes! indeed..ใช่เลย เห็นด้วยร้อยเปอร์เซนต์ อิอิ


หลังจากเดินเที่ยว กิน และซื้อของนิดหน่อย เราก็ได้เวลากลับบ้าน..เริ่มสลึมสลือแล้วนิ..กลับถึงบ้านช่วงบ่ายๆ มีเวลาพอที่จะแวะห้องสมุดเพื่อคืนหนังสือ แล้วยืมเล่มใหม่, จองคอร์ทสควอชสำหรับวันพุธนี้ แล้วเราก็เข้าบ้าน ก่อนจะเตรียมอาหารเย็นแสนอร่อย..อืม..ช่างเป็นวันหยุดที่แสนสุขจริงๆ :)


--


เช้านี้อากาศเย็นเยือก น้ำแข็งปกคลุมไปทั่ว..แม้กระทั่งเบาะจักรยานเรา อากาศเย็นต่ำกว่าศูนย์องศาทำเอาน้ำที่ค้างในรูกุญแจของโซ่จักรยานแข็งไปด้วย ทำเอากว่าจะไขโซ่ล็อกจักรยานได้ เล่นเอาเหนื่อย..เฮ้อ..ไปถึงที่ทำงานก็ทำเอาเกือบเข้างานสายเพราะไขล็อกไม่ออกนี่แหละ ..แต่พอสายหน่อย หมอกก็ลงจัดซะงั้น เหมือนใครมาก่อไฟรมควันเมืองซะงั้น พออีกสองชั่วโมงผ่านไป แดดก็ออก ฟ้าใส น่าออกไปเดินเล่นเสียจริงๆ ..เนี่ยน้า..อากาศของเกาะอังกฤษ อะไรก็เกิดขึ้นได้ในรอบวัน


วันนี้มีเหตุการณ์น่าตื่นเต้นประทับใจนิดนึงตรงที่เราได้มีโอกาศเห็นรถไฟหัวจักรไอน้ำเป็นครั้งแรกในชีวิต เห็นแบบที่มันวิ่งใช้งานได้จริงๆ บนรางรถไฟอ่ะ ไม่ใช่ในพิพิธภัณฑ์หรือเอามาวิ่งในโอกาสพิเศษ ขบวนยาวสิบกว่าโบกี้เลย..ควันโขมงเชียว..เห็นแล้วนึกถึงโทมัส..การ์ตูนเกี่ยวกับรถไฟของน้องม่อนกะแมททิวจริงๆ เสียดายไม่ได้ถ่ายรูปไว้.. จริงๆ มันก็เหมือนกับที่เห็นในพิพิธภัณฑ์อ่ะเนอะ เพียงแต่มันต้องเห็นด้วยตาตัวเอง..แล้วถึงจะรู้ว่า..มันน่าตื่นเต้น และเจ้ารถไฟที่ว่ามันดูคลาสสิคและมีเสน่ห์ขนาดไหน..


วันนี้โม้แค่นี้ก่อนนะ ไว้มีอะไรน่าสนใจจะเก็บมาเล่าให้ฟังใหม่จ้า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

Re: ไดอารี่ของสาวไทยที่ไปใช้ชีวิตคู่ที่อังกฤษ

โพสต์โดย lekpn » เสาร์ มี.ค. 27, 2010 12:51 am

4Mar2010 วันหยุด..แสนสุขใจ

บ่ายสี่โมงเย็น วันพฤหัสบดีที่ 4 มีนาคม 2010 @ flat


เมื่อวานวันหยุด แต่ไม่ได้หยุดอยู่เฉยๆ หรอกนะ มีกิจกรรมทั้งวัน


ตอนเช้าเทรฟชวนไปที่ทำงานด้วย กลัวเราเหงาอยู่บ้านคนเดียว (เอ๊ะ ไม่รู้ว่าจริงๆแล้วคุณสามีแอบเหงาเองหรือเปล่า อิอิ) ห้องที่เทรฟนั่งทำงาน เทรฟนั่งคนเดียวก็เลยชวนเราไปนั่งเล่นด้วยได้ ไปแล้วก็ไม่มีอะไรทำ แอบงงๆ ว่าชวนเรามาทำไรหว่า?? หนังสือที่เอามาก็อ่านไปหลับไป คอมฯก็ไม่มีเล่นเพราะระบบรักษาความปลอดภัยเรื่องระบบคอมพิวเตอร์ที่นี่สูงมาก จะเล่นคอมฯเทรฟ เทรฟก็ใช้งาน สุดท้ายเลยเอามือถือมาเปิดวิทยุฟัง ดีจังมือถือมันเปิดเสียงแบบ Speaker phone ได้ด้วย เลยแบ่งเทรฟฟังด้วย สุดท้ายทนความง่วงไม่ไหว ฟุบหลับดีกว่า (แอบคิดว่า..ไมตูไม่นอนเล่นอยู่บ้านวะ??..เอานะ เพื่อสามีสุดที่รัก..เห็นแอบชวนอยู่หลายที)


วันนี้เทรฟมีแผนเข้าออฟฟิศแค่ครึ่งวัน เพราะตอนบ่ายเรามีโปรแกรมอย่างอื่นมากมาย


พอเทรฟเสร็จงานเราแวะไปซื้อของนิดหน่อยแล้วก็ขับรถกลับบ้าน กลับมากินข้าวกลางวันที่บ้าน กลางวันนี้เรานำเสนอเกี๊ยวกุ้งน้ำครับผม สะดวก ง่าย เร็ว และดีต่อสุขภาพ กินข้าวเสร็จก็ได้เวลาของโปรแกรมต่อไป เราชวนเทรฟไปดูของกัน เพราะเรามีโครงการต้องซื้อตู้เย็นใหม่เข้าบ้าน แล้วก็ดูวัสดุสำหรับทำห้องน้ำใหม่ด้วย (แหม่ๆๆ ยังไม่ย้ายเข้าบ้านเลย..แอบตื่นเต้นซะขนาด) เราเดินๆ สำรวจราคาตู้เย็น..โห แพงเหมือนกันเนอะ มีตั้งแต่ร้อยกว่าปอนด์ (ห้าพันกว่าบาทขึ้นไป) ถึงหลายพันปอนด์ ก็น่ะนะก็ว่ากันไปตามยี่ห้อและดีไซน์ ..แอบเห็นตู้แช่ยักษ์บึ้ม แซวกันว่าใส่คนได้ทั้งคนเลยนะนั่น ..เทรฟว่า ฆ่าใครแล้วก็เอาไปใส่ไว้ในนั้น..เราว่าเราเอาเทรฟใส่แล้ว ยังมีที่เหลือใส่เราได้เลยนะนั่น.. หัวเราะชอบใจกันใหญ่ ..ดูตู้เย็น เครื่องดูดฝุ่น และหม้อหุงข้าว อันหลังนี่ไม่มีตัวเลือกเหมือนเมืองไทย มีขายก็บุญแล้ว ..ตั้งใจแล้วว่า..ย้ายบ้านเมื่อไหร่ซื้อแน่นอน เพราะจะได้ไม่ต้องกวนเทรฟคอยหุงข้าวให้กิน เหอๆๆ (อ้วนแน่ตรู).. วันนี้เป็นไม่กี่วันที่เทรฟช็อปปิ้งอย่างอารมณ์ดี..เทรฟว่าบ่ายวันพุธ..เวลาเหมาะเหม็งมากสำหรับการช็อปปิ้ง..เพราะไม่มีคนเดิน


ออกจากห้างขายเครื่องใช้ไฟฟ้า ป้ายต่อไปก็ร้านขายวัสดุก่อสร้างยักษ์ใหญ่บีแอนด์คิว (B&Q) เป้าหมายหลักคือดูวัสดุปูพื้นและผนังห้องน้ำ เราอยากได้วัสดุที่ใช้แทนกระเบื้องปูผนังเพราะขี้เกียจทำความสะอาดร่องกระเบื้อง ส่วนวัสดุปูพื้นที่นี่เราลงความเห็นว่าจะใช้ลามิเนต (Laminate) ลามิเนตที่นี่เก๋ไก๋ดี จริงๆ วัสดุปูพื้นผิวที่นี่ตัวเลือกมากมายก่ายกอง ตัวนี้เองน่าสนใจเพราะราคาไม่แพง แต่ดูดีมีราคา สามารถเลือกลายและสีสันเลียนแบบธรรรมชาติได้เหมือนวัสดุต้นแบบมากด้วย เช่น เหมือนไม้ เหมือนหิน เราสองคนชอบกันมาก เดินดูกันได้พักเดียวก็ต้องเผ่น เพราะโปรแกรมต่อไปคือ ตีสควอชตอนสี่โมงยี่สิบ


ตีสควอชวันนี้สู้กันเอาเป็นเอาตาย (และเหนื่อยแทบตาย) เราแพ้เทรฟรวด 8:1 เกม..ไม่ใช่คะแนนนะ แพ้กันเป็นจำนวนเกมส์เลยทีเดียว มะเป็นไรคราวหน้าถึงจะแพ้อีกแต่คะแนนต้องดีขึ้น เหอๆๆ (ครั้งนี้ก็เล่นเอาเทรฟหอบไปเลยเหมือนกัน)


หมดจากตีสควอชทีแรกกะจะไปดูหนัง แต่คิดไปคิดมาไม่เอาดีกว่า เพราะรอบหนังตอนหกโมงยี่สิบ กว่าจะกินข้าวเสร็จก็ต้องรีบกันอีก ไว้ก่อนละกัน


เรากลับบ้านมากินมื้อเย็นแสนสุข เมนูวันนี้คือบะหมี่ผัดซอสเอ็กโอ กับผัก Pak Choi รู้สึกเขาจะเรียกกวางตุ้งไต้หวันหรือไรเนี่ยแหละ ผัดกับเห็ดอะไรไม่รู้สีน้ำตาลหน้าตาคล้ายเห็ดหอมสด ใส่ซอสหอยนางรม..อืม..Yum yum อาหย่อยยย...


เสร็จสรรพจากอาหารจานด่วน เราสองคนก็นั่งผึ่งพุงกันนิดนึงก่อนที่เทรฟจะลุกไปล้างจาน เราขยับทำท่าจะลุกไปช่วย เทรฟหันมาทำตาเขียวใส่
"นั่งอยู่ตรงนั้นไปเลย คุณทำมาเยอะแล้ว ที่เหลือผมทำเอง"
"ก็..ก็..อยากช่วย"
"ไม่ต้องเลย!" ทำเสียงดุใส่ด้วยอ่ะ เราก็เลยนั่งขดอยู่ใต้ผ้าห่มบนโซฟาต่อไป ท่าสบายของเราต้องมีหมอนอิงสองใบหนุนหลังกะแขนข้างซ้าย ใส่เสื้อคลุมขนปุยกับผ้าห่มลายม้าลายปิดตั้งแต่ปลายเท้าถึงคอ ฮ่าฮ่า..อุ่นจนไม่อยากขยับตัวไปไหน..อีกแป๊บเทรฟก็ตะโกนมาจากในครัว..
"Would you like tea or coffee? เอาชาหรือกาแฟจ๊ะ"
"ชาค่ะ" เราตอบเสียงใส ตัวยังคงอยู่ในท่าสบายใต้ผ้าห่ม..เอ๊..เท้าชักเย็นๆ แฮะ อ่อ..ไม่ได้ใส่ถุงเท้านี่หว่า..
อีกแป๊บเทรฟก็เอาชามาวางข้างตัว เราหันไปทำเสียงหวานขอบคุณเทรฟพร้อมว่าต่อว่า "ที่รักคะ อยากกินช็อกโกแลตอ่ะ"
แล้วเทรฟก็ยกโหลช็อคโกแลตมาวางให้ข้างๆ... 'Can I get you anything else? เอาอะไรอีกไหมจ๊ะที่รัก" เทรฟถามต่อก่อนหันกลับไปจัดการกับถ้วยจาน หม้อ กะทะในครัว เราส่ายหน้าพร้อมยิ้มแผละ ..ตอนนี้ไม่แล้วค่ะ..ว่าแล้วเราก็กินช็อคโกแลตไปดูทีวีไป..
อีกเดี๋ยวเทรฟก็ตามมานั่งข้างๆ ..เราหันไปกระซิบข้างหู.."ดาร์ลิ่ง"...
เทรฟหันหน้ามาแบบถามว่า..อะไรเหรอ?..
"ดาร์ลิ่ง เท้าโปร่งเย็นอ่ะ ดาร์ลิ่งเอาถุงเท้าให้หน่อยได้เปล่า??"..อ้อนสุดฤทธิ์ ตัวยังขดอยู่ท่าเดิม..
เทรฟหันมาทำท่าตกใจ.."อะไรเท้าโปร่งเย็นเหรอ"..พูดแล้วก็เลิกผ้าห่มดู.."อ้าว แล้วถุงเท้าไม่ได้ใส่เหรอ" ว่าแล้วเทรฟก็วิ่งไปหยิบถุงเท้ามาคู่นึง มาถึงก็ยกเท้าเราขึ้นทำท่าจะใส่ให้..
เราตกใจ.."ไม่ต้องๆๆ เดี๋ยวใส่เองก็ได้"
"ไม่ได้! นี่มันหน้าที่ผม!"..อืม...งงไปเลยเรา..สรุป ไอ้โปร่งก็นั่งอยู่ตรงนัั้นแหละตั้งแต่กินข้าวเสร็จไม่ลุกไปไหน มีสามีวิ่งไปวิ่งมาคอยปรนนิบัติ เอิ๊ก..


มีสามีน่ารักมันก็ดีอย่างนี้อ่ะเนอะ อิอิ ไปล่ะ
?
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
lekpn
THE REAL THING
THE REAL THING
 
โพสต์: 4118
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ก.ย. 07, 2009 7:13 pm

ย้อนกลับต่อไป

ย้อนกลับไปยัง TRAVEL / ACTIVITY & EVENTS

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 2 ท่าน