หน้า 1 จากทั้งหมด 7

โอสถสภา ค้นหาของทำ พิพิธภัณฑ์

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:07 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
เนื่องจากวันนี้มีคนของโอสถสภาโทรศัพท์มา ขอความช่วยเหลือในการเสาะหาผลิตภัณฑ์ต่างๆ โฆษณาเก่าๆ หนังสือของบริษัท
และ ของทุกอย่างที่เป็นประวัติศาสตร์ ของบริษัท ผมจึงมาเปิดหัวข้อนี้ให้ ใครมีอะไรที่เป็นของ
โอสถสภา เอามาโพสลงได้ เพื่อเป็นแนวทางให้กับทางบริษัทในการจัดหา หรือถ้าใครจะขาย
ก็ลองโพสลงมาไว้ที่นี่ แล้ว ถ้าเค้าสนใจ คงจะ pm ติดต่อกันภายหลัง


ประวัติโดยคร่าวๆๆ

คนโบราณรู้ดีว่ายากฤษณากลั่นเป็นยาแก้ปวดท้อง ท้องร่วงที่ได้ผลชะงัดนัก จึงใช้กันเรื่อยมาจนกระทั่งปัจจุบัน เนิ่นนานเข้าศตวรรษทำให้หลายคนเข้าใจว่าเป็นยาไทยแผนโบราณ อันที่จริงแล้วยากฤษณากลั่นเป็นยาตำรับโบราณขนานแท้จากประเทศจีน


นายแป๊ะ เป็นผู้ริเริ่มนำเข้ามาในประเทศไทย ผลิตขายเป็นล่ำเป็นสัน ใช้ชื่อว่ายากฤษณากลั่นตรากิเลน จากนั้นก็นำขึ้นทูลเกล้าถวายพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเพื่อใช้ในกิจการเสือป่า ปรากฏว่ายาขนานนี้มีสรรพคุณในการบำบัดรักษาอย่างน่าอัศจรรย์ เมื่อความทราบถึงพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 6 จึงได้พระราชทานเข็มเสือป่าเป็นรางวัล และทรงเขียนแนะนำให้ใช้ยากฤษณากลั่น ในพระราชนิพนธ์กันป่วย ยิ่งกว่านั้นในปี 2456 ยังได้พระราชทานนามสกุล โอสถานุเคราะห์ ให้เป็นเกียรติแก่วงศ์ตระกูลอีกด้วย

ตรากิเลน เป็นเครื่องหมายการค้าที่นายแป๊ะเลือกใช้ เนื่องจากชาวจีนเชื่อกันว่าตัวกิเลนเป็นสัตว์ที่มาจากสวรรค์มักจะมาปรากฎตัวให้เห็นในปีที่อุดมสมบูรณ์ เมื่อผนวกกับสัญลักษณ์ดวงอาทิตย์ และคัมภีร์ตำราพิชัยสงคราม ยิ่งทำให้เครื่องหมายการค้า ดูศักดิ์สิทธิ์ และน่าเชื่อถือ

เมื่อนายแป๊ะ โอสถานุเคราะห์ ถึงแก่กรรม นายสวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์ บุตรชาย ได้สืบช่วงบริหารกิจการแทน โดยอาศัยพื้นความรู้ทันสมัยที่ได้รับการศึกษาจากคณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณมหาวิทยาลัย ประกอบกับประสบการณ์ที่เคยเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงสำคัญของบิดา ทำให้นายสวัสดิ์สามารถสร้างความเป็นปึกแผ่นให้แก่ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด ได้อย่างมั่นคงตลอดมา

โดยในระยะแรกมีผู้ร่วมงานเพียง 4-5 คน ผลิตและขายยากฤษณากลั่นเป็นหลัก ต่อมาได้ย้ายร้านขายยาจากสำเพ็ง มาตั้งที่ถนนเจริญกรุง ใกล้สี่แยกเอส.เอ.บี. พร้อมกับเปลี่ยนชื่อให้สมกับกิจการที่ใหญ่โตขึ้นว่า โอสถสถานเต็กเฮงหยู ในปี พ.ศ. 2475 มีการเพิ่มตัวสินค้า อาทิ ยาธาตุ 4 ยาแก้ไอ ยาระบาย ยาอมโบตัน ยาทันใจ ยาหอมชนะลม ล้วนได้รับความนิยมเป็นที่เชื่อถือของผู้บริโภคยืนยาวตราบจนกระทั่งปัจจุบัน

นายสวัสดิ์ได้เริ่มนำระบบบริหารการตลาดสมัยใหม่เข้ามาใช้ เนื่องจากการทำธุรกิจของคนไทย หรือคนจีนสมัยนั้น ไม่มีระบบอะไรทั้งสิ้น ยกเว้นพวกฝรั่งที่ทำธุรกิจในแผ่นดินสยาม โดยใช้วิธีตั้งกลุ่มทำงานแยกเป็นฝ่ายผลิต ฝ่ายขาย ดำเนินยุทธวิธีการตลาดแบบใหม่ มีการนำหนังเร่ขายยามาใช้ รวมถึงกิจกรรมอื่น ๆ ทุกรูปแบบ เพื่อสร้างความสัมพันธ์อันดีกับร้านค้า และปลูกความนิยมในหมู่ผู้บริโภค นอกจากนั้นยังได้ริเริ่มใช้การโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้เข้าถึงประชาชนอย่างกว้างขวาง

กิจการของบริษัทฯ เริ่มมั่นคงเป็นปึกแผ่นขึ้นตามลำดับ โดยมีคุณหญิงล้อม โอสถานุเคราะห์ ภรรยานายสวัสดิ์เป็นกำลังสำคัญในการวางโครงการเพื่อการขยายตัวทางธุรกิจไว้ล่วงหน้า เนื่องจากคุณหญิงล้อมนั้นมีความรู้ความสามารถทางการเงินเป็นอย่างดี เพราะเป็นหลานสาวที่คอยช่วยงานคุณย่าพุ่ม เธียรประสิทธิ์ เศรษฐีนีใหญ่ของวัดเกาะ ทำธุรกิจค้าขายที่ดินและปล่อยกู้

กิจการเติบโตอย่างรวดเร็ว จนต้องเพิ่มกำลังการผลิต ดังนั้นในปี 2492 จึงย้ายแผนกผลิตไปอยู่ที่โรงงานในซอยหลังสวน โดยเริ่มนำเครื่องจักรกลการผลิตที่ทันสมัยมาใช้ และได้จดทะเบียนเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด ด้วยความพากเพียรในการฟันฝ่าอุปสรรคทางธุรกิจ และความดีงามที่ได้สร้างสมในการสาธารณประโยชน์ต่าง ๆ นายสวัสดิ์และพนักงานโอสถสภาทุกคนจึงได้รับความรู้สึกปลาบปลื้มที่สุดในชีวิต เมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุยเดชได้ทรงมีพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ พระราชทานครุฑตราตั้งให้แก่บริษัทฯ ในวันที่ 13 ตุลาคม 2502

พ.ศ.2517 จึงได้รวบรวมกิจการทั้งหมดของ บริษัท โอสถสภา (เต็กเฮงหยู) จำกัด มาอยู่ด้วยกัน โดยย้ายสำนักงานจากถนนเจริญกรุง และฝ่ายผลิตจากซอยหลังสวนมาลงหลักปักฐานที่มั่นคง ณ สำนักงานใหญ่ ถนนรามคำแหง พร้อมให้นโยบายที่ถือเป็นหลักปฏิบัติสืบต่อกันเรื่อยมาว่า

"เห็นแก่ประโยชน์ของผู้อื่นมากกว่าตนเอง คิดถึงน้ำใจของคนอื่นมากกว่าเงินตรา มีความซื่อสัตย์ในการประกอบอาชีพ รักษาไว้ซึ่งจรรยาบรรณของธุรกิจ" สวัสดิ์ โอสถานุเคราะห์

จากนั้นก็เปิดโอกาสให้ทายาทรุ่นที่ 2 คือบุตรของนายสวัสดิ์ ได้แก่ สุวิทย์ สุรัตน์ สุรินทร์ และเสรี หมุนเวียนกันมาเป็นกรรมการจัดการของบริษัทฯ คนละ 3 ปี โดยที่มีนายสวัสดิ์คอยดูแลฝึกฝนวิธีการบริหารและการตลาด ส่วนคุณล้อมบริหารด้านการเงินและซื้อขายที่ดิน ซึ่งทำให้ต่อมาบริษัทฯ สามารถขยายกิจการเข้าสู่วงการพัฒนาที่ดิน นอกจากนั้นยังได้ขยายไปยังธุรกิจการเงิน การตลาด วิทยาลัย อุตสาหกรรม ตามความถนัดของลูกแต่ละคน จนต้องนำบุคคลภายนอกเข้ามาช่วยบริหารงานจนกระทั่งเข้าสู่ยุคทายาทรุ่นที่ 3

ในปัจจุบันโครงสร้างการตลาด แบ่งออกเป็น

1. สินค้าประเภทยา โดยแยกเป็น 2 กลุ่ม

1.1 จำหน่ายผ่านร้านขายยาทั่วไป ได้แก่ ยาทัมใจ ยาแก้ปวดไข้ PARACET กลุ่มยาโอสถสภา เช่น กฤษณา กลั่น ยาธาตุ 4 ยาอมโบตัน วัน-วัน ฯลฯ

1.2 จำหน่ายผ่านโรงพยาบาลและคลินิค ได้แก่ ยาที่มีประสิทธิภาพสูงของบริษัท GREEN CROSS จาก ประเทศญี่ปุ่น อาหารเสริมสุขภาพ เช่น BANNER PROTEIN จากสหรัฐอเมริกา PROVITA จาก 3 เอ็ม

2. สินค้าประเภทเครื่องดื่ม ได้แก่ ลิโพวิตันดี ฉลามขาว M-100 M-150

3. สินค้าอุปโภคบริโภค ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เบบี้มายด์ นมผงสโนว์ แป้งเย็นฮูลาฮูล่า 12 พลัส ผ้าอนามัยโซฟี

โดยมีผลิตภัณฑ์ด้านเครื่องดื่มบำรุงกำลัง ทำรายได้ในสัดส่วน 65% ผลิตภัณฑ์ของใช้ส่วนตัวและสินค้าอุปโภคบริโภค ทำสัดส่วนรายได้ 25% ที่เหลือเป็นธุรกิจด้านยา สำหรับแนวทางการตลาดของโอสถสภาในปี 2544 จะมีการปรับกลยุทธ์การทำธุรกิจใหม่ โดยจะมุ่งไปยังตลาดต่างประเทศเป็นหลัก

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:12 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
ของผมโพสเป็นตัวอย่างไว้ แต่ไม่ได้ขายนะครับ

โฆษณายากฤษณากลั่น ตรากิเลนของห้าง โอสถสภา เต๊กเฮงหยู วาดโดย เอกศิลป พิมพ์ที่ โรงพิมพ์หิน คณะช่าง พ.ศ 2485
รูปภาพ

โฆษณา ขี้ผึ้งกิเลน (พิมพ์หิน) ของห้าง โอสถสภา ( เต็ก เฮง หยู ) พ.ศ 2480
ถ้าเป็นโฆษณาของห้างโอสถสภารุ่นเก่ากว่านี้ จะใช้คำว่า โอสถสถาน


รูปภาพ

โฆษณา ยาทันใจ ( ระบบพิมพ์หิน ประมาณ 2485 ) ของ โอสถสภา
"ปวดหัว ปวดฟัน เป็นไข้ รับประทาน ยาทันใจ หายเร็ว"

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:13 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
ใครมีช่วยเอามาลงต่อด้วยนะครับ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:22 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
ยานัตถุ์ อาจารย์ทอง ห้างเต๊กเฮงหยู เจริญกรุง พ.ศ 2482
รูปภาพ


รูปภาพ


รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:33 pm
โดย ("\(*-*)/")
เปิดบริษัทมาตั้งนาน เพิ่งมาคิดได้ว่าจะตั้งพิพิธภัณฑ์เพื่อสืบสานความเป็นตำนานของบริษัทในพ.ศ. นี้... แล้วตอนนี้มันจะเหลืออะไรให้หาเข้าพิพิธภัณฑ์ล่ะเนี่ย :(

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 3:36 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
("\(*-*)/") เขียน:เปิดบริษัทมาตั้งนาน เพิ่งมาคิดได้ว่าจะตั้งพิพิธภัณฑ์เพื่อสืบสานความเป็นตำนานของบริษัทในพ.ศ. นี้... แล้วตอนนี้มันจะเหลืออะไรให้หาเข้าพิพิธภัณฑ์ล่ะเนี่ย :(


แต่ก็ดีใจครับ อย่างน้อยการเริ่มต้นก็เกิดขึ้นแล้ว ผมจะรอดูความสำเร็จของเค้า :-)

รูปภาพ

รูปภาพ



ปฏิทินสังกะสี 2502

รูปภาพ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 4:35 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
มีแบบนี้ ธรรมดา กับ ชนิดหวาน ถ้าจะเอา ส่งที่อยู่มานะครับ จะส่งไปให้

รูปภาพรูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 4:41 pm
โดย o_PAO
ของคุณ virosa
รูปภาพ

ของผม
รูปภาพ

http://www.cokethai.com/board/viewtopic ... sc&start=0

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 5:22 pm
โดย o_ต่อ tapae inn
รูปภาพ

ภาพประกอบโฆษณายาหอมชนะลม ของค่ายโอสถสภา จากหนังสือ ภาพข่าวสยามนิกร ปีที่ 4 ฉะบับที่ 48 ปักษ์หลัง กันยายน 2493

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 8:44 pm
โดย notest
โบตันซองกระดาษ ยังมีลูกอมอยู่ข้างใน โชว์เฉย ๆ ครับ
รูปภาพ

รูปภาพรูปภาพ

กระป๋องโอเล่

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ค. 01, 2008 10:54 pm
โดย o_virosa
รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 2:41 am
โดย o_โค้ก โคราช
:shock: สุดยอดมากๆ :shock:

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 8:11 am
โดย o_น้ำมะเน็ด
เห็นของคุณต่อ แต่ละอันแล้ว ท่าจะหมดสิทธิ์ซ้ำ :-o

ของแบบนี้ บางทีมีเงินก็ซื้อไม่ได้

ยังไงก็เอาใจช่วยให้พิพิธภัณฑ์ลุล่วงไปด้วยดีค่ะ

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 8:55 am
โดย o_virosa
เคยได้ยิน ได้ฟัง มาว่าตระกูลนี้เป็นนักเก็บโดยสายเลือด
เก็บกล้องเก่าก็เป็น ของที่ระดับทั่วโลกเค้าต้องการกัน
มีพิพิธภัณน์งานศิลประดับโลกอีกตั้งหลายชนิด เช่นเครื่องกระเบื้อง งานลงยารัสเซีย (ฟาบาร์เช่)
เป็นเจ้าของ ม.กรุงเทพฯ และหอศิลป โดยคุณเพชร โอสถานุเคราะห์
(ถูกผิดยังไงช่วยชี้แนะด้วยครับ) :D

โพสต์โพสต์แล้ว: ศุกร์ พ.ค. 02, 2008 9:30 am
โดย o_ThaiJack
มีแต่ แก้ว ใช้ได้เปล่าครับต่อ :)