นักเตะตีนเปล่าขวบปีแรกของทีมฟุตบอลเกาะปันหยี ประสิทธิ์บอกว่า เล่นกันมั่วสุดๆ สะเปะสะปะ
ไม่มีการวางแผน ไม่มีการวางตำแหน่งผู้เล่น อธิบายง่ายๆ ก็คือ พอได้บอลก็เตะกันไป
แถมที่ทางสำหรับจะเล่นก็ไม่มีเป็นเรื่องเป็นราว จะเล่นตามทางเดินไม้
ก็มักจะถูกชาวบ้านที่นอนพักผ่อนหลังจากออกเรือหาปลาออกมาด่า พอไปเล่นที่โรงเรียน
ก็ดันเตะไปโดนกระจกแตกบ้าง โดนหลังคาบ้าง รางน้ำบ้าง พอครูใหญ่ออกมา
ก็วงแตก แยกกันไปคนละทิศคนละทาง
"ตอนนั้นเล่นที่สนามโรงเรียน ก็เล่นไม่เป็นหรอก เตะแล้วเท้าก็บวม สะดุดล้มบ้าง
แต่ก็ยังอยากเล่น พอน้ำลดปุ๊บก็ลงไปเล่นตามสันทราย พอน้ำขึ้นเล่นบนสันทรายไม่ได้
ก็กลับมาเล่นบนสนามโรงเรียน"ความไม่เรียบเนียนของสนามพื้นไม้ที่มีไว้ให้เดิน ไม่ได้มีไว้ให้วิ่ง
แต่เมื่อต้องรับบทบาทเป็นสนามฟุตบอลไปด้วย ก็ย่อมเป็นหน้าที่ของผู้ใช้งาน
ที่จะต้องหลบหลีกเอาเอง ไหนจะหัวตะปูที่โผล่ขึ้นมา ไหนจะความไม่เสมอกันของไม้แต่ละแผ่น
ถ้าวิ่งไม่ระวัง เป็นได้เลือดซิบอย่างไม่ต้องสงสัย
และเนื่องจากซ้ายก็น้ำ ขวาก็น้ำ ฉะนั้นเด็กๆ ทีมปันหยีรุ่นเยาว์ทั้งหลายจึงออกกฎกันเอง
เช่นว่า
ถ้าเตะออกนอกเขตตกน้ำไป คนที่เตะก็ต้องรับหน้าที่ว่ายน้ำออกไปเก็บ แถมยังถูกปรับให้แพ้ฟาวล์ด้วย เตะโดนกระจกแตก หรือ ทำลายข้าวของโรงเรียนก็โดนโทษไม่ต่างกัน คือ ถูกปรับแพ้ฟาวล์
ถ้ามองในแง่หนึ่ง ก็อาจจะบอกว่า นี่คือ อุปสรรค แต่ในอีกด้านที่คาดไม่ถึงกลับกลายเป็นว่า
นักเตะปันหยีทั้งหลาย ถูกฝึกฝนให้ไม่เสียบอลง่าย เตะกันอย่างระมัดระวัง เหตุเพราะไม่อยากว่ายน้ำไปเก็บ
แถมยังไม่อยากเสียเลือดเพราะเตะเอาหัวตะปูเข้า
"ตอนนั้น ต้องเรียกว่า เราบ้าเตะบอลมาก น้ำลดเป็นไม่ได้ ต้องวิ่งลงไปแล้ว เอาแค่สันทรายโผล่ขึ้นมาไม่ต้องมาก
ก็ถือบอลลงไปเตะกันตั้งแต่น้ำยังปริ่มๆ จนน้ำลงไปเรื่อยๆ สนามขยายใหญ่..ใหญ่..ใหญ่ จนเตะเกือบจะไม่ถึงอีกมุมแล้ว
ก็เล่นกันไม่หยุด จนน้ำมาถึงจะกลับบ้าน ชาวบ้านก็งงว่าไอ้พวกนี้มันทำอะไรกัน
เราไม่รู้หรอกว่าเล่นกันกี่ชั่วโมง ไม่มีเวลามาบอก ก็เล่นกันไปจนน้ำไล่ขึ้นมา พอเตะไม่ได้ ก็เปลี่ยนมาเล่นโปโลน้ำ
เล่นจับบอล โหม่ง ฝึกทักษะของตัวเอง แล้วก็เล่นเวลาน้ำเริ่มขึ้นเพื่อฝึกกำลังขา ก็ทำให้เราวิ่งได้เร็วขึ้น
แล้วลูกฟุตบอลก็แพงตั้งหกร้อยเจ็ดร้อยบาท แล้วเราเตะในทะเล ผิวมันโดนทรายเสียดสีตลอด ก็สึกเร็ว น้ำก็เข้า
เตะไปเรื่อยๆ ก็หนักมาก แต่ก็ยังเตะ ไม่ได้สนใจกันเลยว่าน้ำหนักบอลมันแค่ไหน พอตื่นเช้ามาก็เอาบอลไปตากให้แห้ง
ตกบ่ายน้ำลง ก็เอาไปเตะต่อ บางทีทรายเข้าลูกบอลจนหนัก โหม่งทีรู้เลยว่า เห็นดาวมันเป็นยังไง" ประสิทธิ์ยิ้ม