หน้า 1 จากทั้งหมด 5

รักแห่งสยาม หนังที่ดีที่สุดเรื่องนึงของประเทศไทย

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 12:35 am
โดย o_PAO
รูปภาพ


วันนี้ขอเป็นหน้าม้าหนังเรื่องนี้หน่อยครับ :)

ผมเป็นคนนึงที่ชอบดูหนัง ดูเป็นประจำมาไม่ต่ำกว่า 25 ปีแล้ว ดูทั้งหนังไทยและต่างประเทศ
เวลาได้ดูหนังฝรั่งดีๆก็แอบคิดว่า ทำไมเมืองไทยไม่มีหนังอย่างนี้มั่งนะ บางครั้งดูหนังของเป็นเอก ของเจ้ย อภิชาติพงศ์ มันก็โอเค
ตลาดต่างประเทศอาจชอบ แต่มันไม่เหมาะสำหรับกลุ่มคนส่วนใหญ่ในประเทศไทย

เวลาที่ผ่านมา เรามีหนังไทยดีๆออกมาให้ดูกันบ้างอย่าง แฟนฉัน โหมโรง นเรศวร ดูแล้วก็ได้อารมณ์แตกต่างกันไปครับ ระลึกอดีต ฮึกเหิม รักชาติ

รูปภาพ

แต่สำหรับ รักแห่งสยาม มันให้อะไรที่ใกล้ตัวกว่านั้นมากครับ มันทำให้มุมมองต่อความรักเรากว้างขึ้น ให้ความประทับใจ ซาบซึ้ง อิ่มเอม เศร้า เหงา สุข
มันอธิบายไม่ถูก บอกได้แค่ว่า หนังจบ อารมณ์ไม่จบ ผมไปดูรอบแรกวันพฤหัสที่ผ่านมา ทุกอย่างในหนัง ตัวละคร เรื่องราว ยังวนเวียนอยู่ในหัวผมจนถึงวันนี้
ซึ่งบอกได้เลยว่าเป็นหนังเรื่องแรกที่ทำให้ผมรู้สึกอย่างนี้ได้ แล้วก็ไม่ได้มีผมคนเดียวที่เป็นแบบนี้ ในเวบพันทิปห้องเฉลิมไทย ผมเจอคนมากมายเป็นแบบผม

รักแห่งสยาม ถ้าเห็นโปสเตอร์ หนังตัวอย่าง มิวสิควิดีโอ หลายคนคงคิดว่าเป็นหนังรักใสใส แบบ season changed
ซึ่งความจำเป็นบางอย่างที่ต้องโปรโมทแบบนี้ อาจจะทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิด เพราะแท้ที่จริงแล้ว รักแห่งสยาม เป็นหนังดราม่าสุดๆ
ที่เล่าเรื่องเกี่ยวกับความรักในหลายๆรูปแบบ เช่น อาม่ากับหลาน แม่กับพ่อ แม่กับลูก เพื่อนกับเพื่อน ผู้หญิงกับผู้ชาย และผู้ชายกับผู้ชาย
ซึ่งความรักทุกรูปแบบที่นำเสนอ มันทำให้เราสัมผัส และรู้สึกได้ว่ามันเป็นความจริงในสังคมปัจจุบัน

ตอนที่ดูหนังเรื่องนี้จบ มันมีความรู้สึกแวบนึงเกิดขึ้นมาคือ ประเทศไทยมันก็ทำหนังอย่างนี้ได้โว๊ย (ปล่อยให้กรูรอมาตั้งยี่สิบกว่าปี)
รักแห่งสยาม จะเป็นหนังที่เอาไปฉายได้ทั่วโลกโดยไม่อายใคร จะได้รางวัลมากมายในระดับนานาชาติ ส่วนรางวัลในเมืองไทย เตรียมไว้เลยครับดังนี้

รูปภาพ

ดารานำหญิง สินจัย เปล่งพาณิช การแสดงที่สุดในชีวิตของเธอครับ สุดยอดมากๆ

ดารานำชาย น้องมาริโอ้ กับน้องพิช สองดาราหน้าใหม่ เล่นเรื่องแรกยังกะมืออาชีพ

ดาราประกอบชาย กบ ทรงสิทธิ์ ไม่เคยชอบตานี่เล่นหนังเลยครับ เรื่องนี้ต้องยกให้

ดาราประกอบหญิง (ให้เข้าชิง 2 คน) บทบาทการแสดงที่ดีที่สุดเช่นกันของ พลอย เฌอมาลย์ และน้องหญิงในเรื่องกับบทสาวที่คลั่งไคล้เด็กหนุ่ม

บทภาพยนตร์ เป็นบทภาพยนตร์ดั้งเดิมของหนังไทย ที่ดีที่สุดที่ผมเคยดูมา

เพลงประกอบภาพยนตร์ ทุกเพลงที่อยูในหนังไม่ใช่แค่ส่วนประกอบครับ แต่มันเป็นส่วนสำคัญ

กำกับภาพยนตร์ เอาไปเลยครับคุณมะเดี่ยว

ภาพยนตร์ยอดเยี่ยม แน่อยู่แล้วครับ ไม่ใช่แค่ยอดเยี่ยมประจำปีนี้ แต่มันยอดเยี่ยมในรอบสิบปีเลยทีเดียว

อ่านแล้วอาจจะหมั่นไส้นะครับ แต่รับรองไม่ใช่ผมคนเดียวแน่ที่คิดแบบนี้ :)

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 12:42 am
โดย o_PAO
บทวิจารณ์ รักแห่งสยาม ที่ดีที่สุดชิ้นนึงในโลกอินเตอร์เนท
(เปิดเผยเนื้อหาของภาพยนตร์บางส่วน)

รักแห่งสยาม..จากมุมมองของผู้หญิงที่เป็น "แม่"

หลาย ๆ คนคงเบื่อกระทู้รักแห่งสยามแล้ว และเท่าที่สังเกต พบว่า จะเป็นไปในสองกระแส คือ "ชอบ" (มักเป็นมุมมองของเหล่า Y ทั้งหลาย และจากคนที่ถูกเรียกว่า "หน้าม้า" ) และไม่ชอบ (จากผู้ที่พยายามบอกว่า ถูกหนัง (หรือที่ภาษาสื่อ เรียกว่า "หน้าหนัง") หลอกและพาลทำให้เกลียดหนังไทย

เราเองในตอนแรก ก็ถูกหน้าหนังหลอกเช่นกัน ทำให้มองและเข้าใจไปว่า เป็นหนังรักวัยรุ่น รวมทั้งจากการชม MV เพลงกันและกัน

ยิ่งทำให้รู้สึกว่า หนังวัยรุ่นมาอีกแล้วหรือนี่ ทำไมฉันจะหาหนังดี ๆ ดูส่งท้ายปลายปีไม่ได้เลยหรือ

แต่วันหนึ่ง เราก็ได้มีโอกาสแวะมาอ่านบทวิจารณ์ซึ่งจริงๆ น่าจะเป็นกระทู้แสดงความคิดเห็นต่อเรื่องนี้ ทำให้รู้ว่า เป็นหนังเกี่ยวกับครอบครัว และรักระหว่างชายกับชาย กับการตัดสินใจที่จะก้าวข้ามวัย ทำให้เราเริ่มสนใจขึ้นมาบ้าง เพราะเราคงเลยวัยที่จะไปดูหนังรักกุ๊กกิ๊กแล้ว เราตามอ่านเกือบทุกกระทู้ที่ทั้งชมและด่า จนตัดสินใจว่าจะต้องไปดูเอง

และนี่เป็นมุมมองของเราที่ไม่จำเป็นต้องมีใครเห็นด้วยทั้งสิ้น

ทันที่เราดูหนังจบ เราบอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่หนังเกย์ ฉากความสัมพันธ์ระหว่างมิวกับโต้งมีน้อยมาก (แทบจะนับได้ว่ามีไม่ถึง 30% ในหนัง) การที่วัยรุ่นชายสองคนมองตากัน ยิ้มให้กัน มันก็คือความรู้สึกบริสุทธิ์ที่มีต่อกันที่ปัจจุบันเราเห็นได้ง่ายมาก(และหลายคนสะอิดสะเอียน)

ถ้าใครจะว่าฉากจูบระหว่างทั้งสองนั่นแหละ ที่ทำให้บอกว่านี่คือหนังเกย์ เรากลับมองว่า มันเป็นการแสดงออกซึ่งความรักแบบเคอะเขินตามประสาวัยรุ่นเสียด้วยซ้ำ เพราะดูเหมือนว่า ทั้งสองก็ยังจูบกันไม่เป็น มุมกล้องก็ไม่ได้สื่อเรื่อง sex ใด ๆ ทั้งสิ้น เพราะไม่ได้ CU ที่หน้าของทั้งคู่ และไม่ทำให้รู้สึกด้วยซ้ำว่าเขาจูบกันดูดดื่มแค่ไหน (ที่คนดูวิ๊ดว๊าย น่าจะเพราะเราไม่ได้คาดหวังว่าจะได้เห็นวัยรุ่นชายจูบกันมากกว่า)

ในมุมมองของเรา ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นตัวแทนของปัญหาสังคมไทยที่สมควรปรบมือให้ และผู้ใหญ่ในสังคมควรไปดู เราไม่ได้ focus ไปที่ กระบวนการ production รวมถึงนักแสดง (แม้จะยังแอบอินกับ "มิว" อยู่มาก) นี่คือปัญหาของสังคมไทยที่หลายคนรับรู้แต่พยายามปฏิเสธมัน ไม่ว่าจะเป็น ....

1. ครอบครัวในสังคมไทยเป็นครอบครัวที่พ่อแม่/คนในครอบครัว ยึดติดกับอะไรบางอย่าง ไม่ว่าจะเป็น สิ่งที่สูญเสียไป / กรอบอย่างที่พ่อแม่ต้องการ จนทำให้เกิดความคาดหวังและส่งผลให้ลูกอึดอัดกับกรอบที่ถูกกำหนดไว้

2. การปฏิเสธที่แสดงความรักต่อกัน จนถึงวันเสียคนที่รักไปแล้ว จึงย้อนระลึกถึง (ทั้งในฉากที่สุนีย์บอกจูนว่า "ตอนที่แตงอยู่ก็ไม่เคยจัดปาร์ตี้ให้เหมือนกัน" หรือฉากที่สุนีย์พูดเรื่องรูปที่แตงถ่ายว่า "นี่อาจเป็นเรื่องเล็กๆ น้อย แต่ก็เป็นหนึ่งในไม่กี่เรื่องที่เขาทำให้เรามีความสุข"

3. ภาวะก้าวข้ามผ่านวัยของวัยรุ่นไทย (comeing of age) เราเชื่อว่าในสังคม มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อย ที่มีพฤติกรรมทางเพศที่ผิดไปจากที่ควรจะเป็น เราไม่ใช้คำว่า "เบื่ยงเบน" เพราะเราไม่เคยคิดว่า การรักเพศเดียวกันเป็นเรื่องของความเบี่ยงเบนหรือความผิดปกติ แต่เป็นเรื่องของรสนิยม และเอกลักษณ์ทางเพศที่แตกต่างไปจากเพศจริงของตนเอง เนื่องจากสังคมและธรรมชาติกำหนด ชายต้องรักหญิง หญิงต้องรักชาย ดังนั้น การรักเพศเดียวกันจึงเป็นเรื่องที่ "วิปริต"

แต่เรากลับไม่คิดเช่นนั้น (พร้อมรับคำด่า กับความเห็นนี้)

มีวัยรุ่นจำนวนไม่น้อยที่ไม่สามารถก้าวข้ามวัยนี้ไปอย่างปกติได้ เพราะความคาดหวังจากครอบครัว และข้อกำหนดของสังคม

สุนีย์กล่าวกับมิวว่า "รู้ใช่ไหม ว่าครอบครัวน้าผ่านอะไรมาบ้าง ต่อไปโต้งต้องเรียนจบ มีงานการทำ ถ้ามิวรักโต้ง มิวต้องปล่อยโต้งไป"

สุนีย์พยายามใช้ "ความรัก" ในการหว่านล้อมให้มิวยุติความสัมพันธ์แบบคนรัก ในขณะที่ตัวสุนีย์เอง กลับไม่ได้เข้าใจถึงความรักที่คนเป็นแม่พึงจะมี สุนีย์รักตนเองและคาดหวังจะให้โต้งเป็นในแบบที่ตนต้องการเพื่อจะเยียวยาความเจ็บปวดครอบครัว โดยที่ตนเองก็ไม่รู้ว่า ลูกชายคนเดียวที่เหลืออยู่จะเจ็บปวดเพียงใด

แต่อย่างน้อย เราก็ยังอุ่นใจที่แม้ว่าสุนีย์จะเจ็บปวดจากการเลือกตุ๊กตาผู้ชายของโต้ง แต่ก็ดูเหมือนว่าสุนีย์จะเข้าใจในสิ่งที่ลูกเลือกที่จะเป็น เพราะอย่างน้อย ในที่สุดเธอก็มีรอยยิ้มอย่างอบอุ่นแม้จะมีน้ำตาเปื้อนใบหน้าอยู่ก็ตาม

4. วัยรุ่นในสังคมไทย "เหงา" กันมากขึ้น ทุกคนในเรื่องอยู่กับความเหงา มิว เหงาที่ขาดพ่อแม่และคนรัก ต้องใช้ชีวิตลำพัง โต้ง เหงากับความไม่เข้าใจของแม่ การที่พ่อไม่สามารถเป็น role model ที่ดีได้ โดนัท แม้จะสวยและรวย แต่เหงากับการแสวงหาคนมาข้างกาย จนต้องพยายามเรียกร้องความรัก หญิง เหงากับการพยายามไขว่คว้าหาความรักจากคนที่ตนเองพึงใจ

หลายฉากในเรื่องมากที่พยายามสะท้อนว่า วัยรุ่นไทยในปัจจุบันใช้ความเหงาอย่างไร ไม่ว่าจะเป็นการไปดื่มเหล้า สังสรรค์กับเพื่อน การไปเดินเล่นกับเพื่อนตามห้างสรรพสินค้า การซื้อของมาปรบเปรอตัวเองให้หายเหงา (ทุกคนมีมือถือ และดูเหมือนว่าจะราคาแพง) ทั้งที่วัตถุเหล่านี้ไม่ได้ช่วยเยียวยาจิตใจได้เลยแม้แต่น้อย

หลายคนว่า มิว น่าสงสาร แต่เรากลับมองว่า มิวเป็นตัวละครที่เข้มแข็งมาก แม้ในฉากสุดท้ายที่มิวร้องไห้กับจมูกตุ๊กตาที่ได้รับ เรามองว่า มันสะท้อนถึงความปิติ ความสุขที่ได้รับความรักจากคนที่ตนเองเฝ้ารอ และมิวน่าได้รับคำตอบแล้วว่า นับจากนี้ไป ตนเองจะดำรงชีวิตอยู่อย่างไร กับประโยคที่ว่า "ขอบคุณนะ" มันคงสะท้อนอะไรได้มากกว่าคำพูดของวัยรุ่นอกหัก

มิวเป็นตัวละครที่มีทางออกกับความเหงาได้ดีที่สุด ในความรู้สึกของเรา ถ้าไม่นับ "หญิง" ที่ยอดเยี่ยมมากในการจัดการกับอารมณ์ตนเอง หญิงเป็นตัวอย่างของคนที่มีวุฒิภาวะและมีความฉลาดทางอารมณ์ (EQ) สูงมาก หญิงเข้าใจโลก เข้าใจคนที่ตนรัก และสามารถทำเพื่อคนที่ตนรักได้อย่างมีสติ แม้ว่าในตอนท้ายจะมีน้ำตา แต่เรากลับมองว่า เป็นน้ำตาของ"ผู้ชนะ" ที่ชนะใจตนเอง และชนะใจคนที่ตนรัก(ในความดี)

กลับมาที่มิว

มิวได้รับการปลูกฝังที่ดีจากอาม่า ซึ่งเรารู้สึกว่า มีความเข้าใจและเป็นมิตรมากกว่าครอบครัวของสุนีย์มากมายนัก จากการพูดกับหลานว่า "เพื่อน" อาม่าพยายามสอนให้ใช้ดนตรีเป็นสื่อบอกคนอื่น จนทำให้มิวมีสิ่งหล่อเลี้ยงจิตใจ มิวมีดนตรีเป็นเพื่อน และเราเชื่อว่า มิวน่าจะใช้ดนตรีเป็นเครื่องเยียวยาจิตใจตนเองได้ พร้อม ๆ กับการมีเพื่อนที่ดีและเข้าอกเข้าใจ

กับประโยคลาโต้งที่ว่า "เราไปก่อนนะ เพื่อนรออยู่"

ก็สะท้อนให้เห็นว่า มิวพร้อมจะกลับไปเริ่มก้าวใหม่ในชีวิตกับเพื่อนที่พร้อมจะร่วมทุกข์ร่วมสุขไปด้วยกัน

ตัวละคนที่น่าห่วงมากกว่า คือ โต้งกับโดนัท โต้ง ยังต้องกำหนดกรอบตัวเองอยู่ในความคาดหวังของแม่ ต้องเป็นหัวหน้าครอบครัวแทนพ่อ ในขณะที่จิตใจลึกๆ ก็ยังไม่รู้ว่าตนเองต้องการอะไร จากหลายประโยคที่โต้งชอบพูดว่า "เราไม่รู้" "ไม่รู้ดิ" "ไม่รู้เหมือนกัน" จนน่าเป็นห่วงว่า เมื่อโตขึ้น โต้งจะใช้ชีวิตอย่างไรต่อไปในสังคม โต้งคงเป็นผู้ชายอีกคนหนึ่งที่แต่งงานมีครอบครัว แต่ขณะเดียวกันก็ไปมีความสัมพันธ์กับเพศเดียวกันแบบหลบ ๆ ซ่อน ๆ และโต้งจะหาความจริงใจจากความรักไม่ได้

ในขณะที่โดนัท ซึ่งหลงกับรูป และการรายล้อมจากเพศตรงข้าม โดนัทจะผ่านวัยรุ่นไปได้อย่างไรโดยที่ไม่เสียคนหรือเสียตัวก่อนวัยอันควร

และสุดท้าย หนังเรื่องนี้ ทำให้เราคิดถึงลูกขึ้นมาจับใจ

เราเองก็เป็นแม่คนหนึ่งที่พยายามคาดหวังกับลูก อยากให้ลูกเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ด้วยความหวังดีและพยายามหาคำอธิบายว่า "เพราะฉันเป็นแม่ ฉันหวังดีกับลูก ฉันเหนื่อยทุกวันนี้ก็เพราะลูก"

และหลายครั้งที่เรามัวแต่คิดถึงความทุกข์ของตนเอง สงสารตัวเองกับความทุกข์ซ้ำๆ ที่เกิดขึ้นในครอบครัว เอาความทุกข์ของตัวเองมาจับเจ่ากับมันซ้ำแล้วซ้ำเล่า

หนังเรื่องนี้ ทำให้เราได้คำตอบว่า เราจะจัดการยังไงต่อไปกับครอบครัว มันทำให้เราหันกลับมามองครอบครัวอย่างเข้าใจมากขึ้น คนที่เราเคยโกรธและเกลียดจนไม่อยากมองหน้า วันนี้เราเข้าใจเขามากขึ้น ว่าเขาเองก็คงทุกข์ไม่น้อยกับการไม่ประสบความสำเร็จในการก้าวข้ามวัยมาได้

มันทำให้เราหันไปมองลูกอย่างเข้าใจมากขึ้น ว่า วันข้างหน้า เราจะปล่อยให้ลูกเป็นอย่างที่เขาอยากเป็น แม้ว่าเราอาจยอมรับมันไม่ได้ อย่างไรก็ตาม เราเชื่อว่า ความรัก และความเข้าใจในครอบครัว จะทำให้ทุกชีวิตสามารถก้าวผ่านความทุกข์ไปได้ และเข้มแข็งขึ้นทุกครั้งที่ได้รับบทเรียนใหม่ ๆ

ขอบคุณ รักแห่งสยาม

"ขอบคุณนะ"

จากคุณ : แค่คนหนึ่งคน - [ 27 พ.ย. 50 11:34:10 ]


อ่านคอมเมนท์เพิ่มเติมหลายร้อยความเห็นต่อได้ที่นี่

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 67681.html

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 12:45 am
โดย o_PAO
คะแนนโหวตจากคนที่ดูมาแล้ว ในกระทู้

http://www.pantip.com/cafe/chalermthai/ ... 68363.html


ชอบมาก ห้ามพลาด (292 คน)
ชอบ (30 คน)
เฉยๆ (4 คน)
ไม่ชอบ (3 คน)
ไม่ชอบมาก เสียดายตังค์ (10 คน)

จำนวนผู้ร่วมโหวตทั้งหมด 339 คน

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:04 am
โดย o_santkwan
พวกที่เสียดายตังค์ 10 หน่อบ้านมันอยู่แถวไหนฟ่ะ อยากดูน้ำหน้ามันซ่ะหน่อย

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:06 am
โดย o_coke_lover
ใครเป็นแบบผมบ้างครับ? ผมไม่ได้ดูหนัง(โรงหนัง)มาประมาณ 2 ปีแล้วครับ เพราะรู้สึกเสียดายเงิน...อิอิ :)
(ไม่ได้ งก นะ แต่ไหนจะ ค่ารถ, ค่ากิน , ค่าตั๋วหนัง อย่างน้อยๆ ก็ต้องมี500-800บาท)
พี่เปา เชียร์แบบนี้ คงต้องหาเวลาไปสวีท :? กับแฟนซะหน่อยแล้ว :-)


ปล.ใกล้ปีใหม่แล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคนให้มีความสุขนะครับ

ขอบคุณครับ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:08 am
โดย o_PAO
เดี๋ยวโดนแซวว่าไม่เกี่ยวกะโค้ก โชคดีจริงๆไปเจอรูปนี้ในพันทิป :eek:

น้องมาริโอ้ ถ่ายกะโค้กครับ ไม่รู้ลงหนังสือเล่มไหน
โค้กน่าจะเอาไปเป็นพรีเซ็นเตอร์นะ รับรองยอดขายระเบิด

รูปภาพ

รูปภาพ

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:10 am
โดย o_PAO
coke_lover เขียน:ใครเป็นแบบผมบ้างครับ? ผมไม่ได้ดูหนัง(โรงหนัง)มาประมาณ 2 ปีแล้วครับ เพราะรู้สึกเสียดายเงิน...อิอิ

พี่เปา เชียร์แบบนี้ คงต้องหาเวลาไปสวีท :? กับแฟนซะหน่อยแล้ว :-)


ปล.ใกล้ปีใหม่แล้ว ยังไงก็ขอให้ทุกคนให้มีความสุขนะครับ

ขอบคุณครับ


แนะนำให้ศึกษาเรื่องย่อไว้หน่อยนะครับ อธิบายให้แฟนเข้าใจว่าหนังเป็นยังไง
กลัวว่าเข้าไปเจอฉาก........ แล้วแฟนจะหันมามองหน้าแล้วถามว่า เธอจะบอกอะไรชั้นหรือเปล่า ถึงพามาดูหนังเรื่องนี้ :)

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:18 am
โดย o_โค้ก โคราช
:-o เห็นพี่เปาบรรยายแล้ว อยากไปดูจัง แต่ไม่มีคนไปดูด้วยนะ :-o

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 1:27 am
โดย o_PAO
ผมไปดูคนเดียวนะครับ สองรอบละ รอบที่สามคงเป็นเสาร์ หรืออาทิตย์นี้แหละ 8-)

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 3:35 am
โดย o_ต่อ tapae inn
PAO เขียน:ผมไปดูคนเดียวนะครับ สองรอบละ รอบที่สามคงเป็นเสาร์ หรืออาทิตย์นี้แหละ 8-)



:eek: เฮ้อ.....หัวหน้าเราจะมีแฟนกะเค้ามั้ยนี่....อิอิ (แซวเล่นคร้าบ) :)

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 7:47 am
โดย ("\(*-*)/")
ตั้งแต่โหมโรง ก็ยังไม่เคยดูหนังโรงอีกเลย
เจอท่านเปาการันตีอย่างงี้
สงสัยต้องต่อคิวซื้อตั๋วกับเขาบ้างแล้ว

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 8:29 am
โดย o_lekpn
อาทิตย์นี้ต้องไปดูให้ได้ :smile:

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 8:32 am
โดย o_Coolhei
ว่าบอกนะว่า ผู้กำกับเป็นเพื่อนรุ่นเดียวกับพี่เปา อิ อิ อิ :-D :-D :-D

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 8:35 am
โดย o_superantz
พี่เปาเชียร์ซะขนาดนั้น พลาดได้งัย :grin: :smile: :)

โพสต์โพสต์แล้ว: พฤหัสฯ. พ.ย. 29, 2007 8:38 am
โดย glassdream
confirm ได้ว่าเป็นหนังดีจริงๆค่ะ ไปดูมาแล้ว ได้แง่คิดดีมากเลยค่ะ เป็นหนังสำหรับครอบครัวได้
อย่างดีทีเดียวค่ะ :-) :smile: