เสริมสุขปั้นแบรนด์น้ำดำ'เอส' สิ้นสัญญา 1พ.ย.ลุยทั่วประเทศ
ไทยเบฟไฟเขียวเสริมสุขปั้นแบรนด์น้ำดำ ยี่ห้อ 'เอส' est เตรียมส่งม้าเร็วขนสินค้าลงตลาดพร้อมขายทั่วประเทศหลังวันสิ้นสุดสัญญา พร้อมยิงโฆษณา
ในวันที่ 1 พ.ย. 2555 สัญญาการเป็นผู้ผลิต และจัดจำหน่าย เครื่องดื่มน้ำอัดลม “เป๊ปซี่” ของ บริษัท เสริมสุข จำกัด (มหาชน) ให้กับเป๊ปซี่ โค จากสหรัฐอเมริกา เจ้าของลิขสิทธิ์แบรนด์และเจ้าของหัวเชื้อน้ำอัดลมจะสิ้นสุดลงหลังจากเป็นพันธมิตรร่วมธุรกิจกันมาอย่างยาวนานเกือบ 6 ทศวรรษ หลายฝ่ายกำลังจับตาว่า "เสริมสุข" จะขยายอาณาจักรและเปิดตลาด "น้ำดำ" แข่งกับแบรนด์ระดับโลกต่อไปได้อย่างไร
แหล่งข่าวในวงธุรกิจการค้า เปิดเผย "กรุงเทพธุรกิจ" ว่า เสริมสุขได้พัฒนาแบรนด์น้ำอัดลมใหม่ ภายใต้ชื่อ "est" อ่านออกเสียงภาษาไทยว่า "เอส" ซึ่งมาจากคำว่า "เสริมสุข" นั่นเอง โดยเตรียมกระจายสินค้าลงตลาดในทันที หลังสัญญาสิ้นสุดลงในวันที่ 1 พ.ย.นี้ ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างเตรียมความพร้อมในทุกด้านตั้งแต่ตัวสินค้าซึ่งจะใช้สีน้ำเงิน แดง ขาว เป็นสัญลักษณ์ของแบรนด์ การโฆษณาประชาสัมพันธ์ และพรีเซนเตอร์ ซึ่งมอบหมายให้ยักษ์ใหญ่แกรมมี่พิจารณาศิลปินที่เหมาะสมกับภาพลักษณ์สินค้า ที่จะสื่อผ่านคำว่า Cool
"ในคืนรอยต่อของสัญญาสิ้นสุดลง เสริมสุขจะส่งทีมงานไล่วางสินค้า กระจายผ่านช่องทางขายทั่วประเทศ ขึ้นโปสเตอร์โฆษณา เปิดตัวแบรนด์ est ต่อตลาดในทันที" แหล่งข่าวกล่าวพร้อมตั้งข้อสังเกตด้วยว่า
แม้เสริมสุขจะมีความได้เปรียบในแง่เครือข่ายร้านค้ากว่า 2 แสนแห่งทั่วประเทศเป็นช่องทางขายที่สำคัญ หน่วยรถกว่า 1,200 คันเตรียมพร้อมส่งแบรนด์น้องใหม่ถึงมือลูกค้าเป้าหมาย และผู้สนับสนุนที่แข็งแกร่งในฐานะผู้ถือหุ้นใหญ่อย่างกลุ่มไทยเบฟ ของนายเจริญ สิริวัฒนภักดี แต่ด้วยความเป็น "แบรนด์ใหม่" ประกอบกับลูกค้าที่ติดในรสชาติและแบรนด์เป๊ปซี่ โดยเฉพาะลูกค้าต่างชาติ และการจำหน่ายผ่านช่องทาง "เอ็กซ์คลูซีฟ" กล่าวคือ กลุ่มร้านอาหาร สถานบันเทิง สวนสนุก ฯลฯ ที่เซ็นสัญญาจำหน่ายแบรนด์เป๊ปซี่อาจมีการทบทวนสัญญาใช้แบรนด์ใหม่ ยิ่งเป็นธุรกิจที่รองรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและนิยมแบรนด์เป๊ปซี่ เป็นความท้าทายครั้งใหญ่ของเสริมสุขว่าจะรักษาช่องทางดังกล่าวนี้ไว้ได้มากน้อยแค่ไหน
ในทางกลับกัน หากเสริมสุขรักษาตลาดเอ็กซ์คลูซีฟ นำพาแบรนด์เข้าถึงกลุ่มลูกค้าต่างชาติ ได้ทดลองดื่ม และพึงพอใจในรสชาด จะเป็นโอกาสสร้างการรับรู้ต่อแบรนด์ในวงกว้างต่อไป
เพื่อรองรับการเปลี่ยนครั้งสำคัญที่เกิดขึ้น เสริมสุข ได้มีการปรับโครงสร้างองค์กรใหม่ จัดทำภาพยนตร์โฆษณาองค์กรครั้งแรก โดยใช้ทีมพนักงานและผู้บริหารร่วมโฆษณา มีการปรับภาพลักษณ์โลโก้ใหม่ ใช้โทนสีฟ้าและเขียว พร้อมวาง 4 โครงสร้างของธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ขยายธุรกิจน้ำดื่มนำโดยน้ำดื่มคริสตัล การขยายเครื่องดื่มที่ไม่ใช่น้ำอัดลม การเป็นผู้จัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่ม และการเป็นผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มน้ำอัดลมแบรนด์ใหม่ สมชาย บุลสุข ประกาศไว้ว่าจะมีแผนเปิดตัวธุรกิจใหม่ภายหลังวันที่ 2 พ.ย. เป็นต้นไป หลังสัญญาทางธุรกิจกับพันธมิตรรายเดิมสิ้นสุดลงวันที่ 1 พ.ย.นี้ ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้ “ฐิติวุฒิ์ บุลสุข” กุมบังเหียนเสริมสุขในยุคที่ 3 นี้อย่างเต็มตัว
เสริมสุข ยังได้จัดตั้งบริษัท เกรท แบรนด์ ลิมิเต็ด จำกัด ที่ฮ่องกง เมื่อ 1 มิ.ย. 2555 ทุนจดทะเบียน 1 ล้านเหรียญฮ่องกง เพื่อบริหารแบรนด์ภายใต้บริษัทเสริมสุขทั่วโลก สะท้อนก้าวรุกต่อแผนสร้างตำนาน "แบรนด์ไทย" ครั้งใหม่พ่วงไปกับเครือข่ายธุรกิจที่แข็งแกร่งของไทยเบฟในภูมิภาคอาเซียน
สมรภูมิการแข่งขันธุรกิจน้ำดำจะทวีความรุนแรงยิ่งขึ้นอย่างแน่นอน เพราะทั้งเสริมสุข และเป๊ปซี่ โค ต่างมีโจทย์ใหญ่ต้องแก้เกมด้วยกันทั้งคู่ ขณะที่เบอร์ 2 ในตลาดเมืองไทย โคคา-โคล่า หรือ โค้ก แบรนด์อันดับหนึ่งของโลก รวมทั้งน้องใหม่ บิ๊กโคล่า น่าจะได้อานิสงส์จากห้วงสุญญากาศ และ "จุดอ่อน" ของผู้ประกอบการทั้ง 2 รายนี้ไม่มากก็น้อย
ยิ่งช่วงแรกที่ "เป๊ปซี่" ยังไม่ตกผลึกในเรื่องของ "ผู้ผลิต" น่าจะมีเพียงการจำหน่ายในรูปแบบ "กระป๋อง" นำเข้าจากโรงงานในแถบประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่เสริมสุขส่ง est ลงตลาดได้ครอบคลุมพื้นที่ โอกาสที่เป๊ปซี่จะถูกเฉือนส่วนแบ่งการตลาดไปมีมากที่เดียว หากพิจารณาส่วนแบ่งการตลาดน้ำอัดลมประเทศไทยมูลค่าประมาณ 3.6 หมื่นล้านบาทในปัจจุบันทิ้งห่างกันไม่มากนัก ระหว่างแบรนด์เป๊ปซี่ มีส่วนแบ่งการตลาด 29% ตามด้วย โคคา-โคลา 24% และบิ๊กโคล่า 14%
เครดิต : http://www.bangkokbiznews.com