เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อ "เด็กไทย" ไปบอลโลก

ข่าวสารต่างๆเกี่ยวกับโค้ก ทั้งใน และต่างประเทศทั่วโลก

เปิดประวัติศาสตร์หน้าใหม่ เมื่อ "เด็กไทย" ไปบอลโลก

โพสต์โดย o_TOD » เสาร์ ก.ค. 01, 2006 4:23 pm

รูปภาพ
เยาวชนจากประเทศไทย เยาวชนจากประเทศอังกฤษและเยอรมนีร่วมกันทำหน้าที่เดินนำธงชาติผืนใหญ่ลงสู่สนามแข่งขันฟุตบอลโลก นัดอังกฤษพบปารากวัย

เสน่ห์ที่แสนจะตื่นเต้นเร้าใจในเกมการเล่นฟุตบอล สะกดสายตาแฟนบอลทั่วโลกให้จับจ้องการแข่งขันอันสุดระทึกในจอโทรทัศน์ และยังมีคอบอลที่หลงใหลในกีฬาลูกหนังอีกจำนวนมาก ดั้นด้นเดินทางไปเชียร์ทีมชาติ และนักเตะขวัญใจถึงขอบสนาม เพื่อร่วมเป็นส่วนหนึ่งในประวัติศาสตร์มหกรรมลูกหนังระดับโลก

เช่นเดียวกับ 3 เยาวชนไทย ซึ่งได้รับเลือกภายหลังจากเข้าร่วมโครงการ "โค้ก นำธงฟุตบอลโลก" ให้ไปเชิญธงชาติ และนำนักกีฬาเข้าสู่สนามการแข่งขันฟุตบอลโลก 2006 ในนัดสำคัญระหว่างทีมชาติอังกฤษ กับทีมชาติปารากวัย ณ สนามกีฬาวาลด์ สเตเดียม ประเทศเยอรมนี ในวันที่ 10 มิถุนายนที่ผ่านมา

ก่อนเหินฟ้าไปทำความฝันให้เป็นจริง พวกเขาอดนึกไม่ได้ว่าบรรยากาศในตอนนั้นจะเกิดอะไรขึ้นบ้าง จนกระทั่งวันนี้ พวกเขาได้ซึมซับประสบการณ์เหล่านั้นและพร้อมที่จะถ่ายทอดความประทับใจ

ล่าฝันสู่สนามบอลโลก

"ฝันของฉันใกล้จะเป็นจริงแล้ว นี่คือก้าวแรกของการไปฟุตบอลโลก ไม่เคยคิดว่าจะมีโอกาสดีๆ เช่นนี้ เพราะว่ามันหาได้ยากมากและเป็นเพียงโอกาสเดียวเท่านั้น"

เสี้ยวหนึ่งในบันทึกประจำวันของ ชบงกช เปรมชื่น หรือเกตุ เด็กสาวจากฉะเชิงเทราวัย 15 ปี ดีกรีนักกีฬากอล์ฟทีมชาติ ชุดเอเชียนเกมส์ กาตาร์ เมื่อรู้ว่าได้รับคัดเลือกจากเยาวชนไทยทั่วประเทศให้เป็นตัวแทนเดินทางไปทำหน้าที่นำธงชาติ และนักเตะเข้าสู่สนามร่วมกับเพื่อนอีก 2 คน คือ จิรภัทร พัวพิพัฒน์ หรือปั้น เด็กหนุ่มวัย 14 ปี และ นพนนท์ คชพลายุกต์ หรือออฟ เด็กหนุ่มจากสงขลาวัย 15 ปี ซึ่งต่างดีใจไม่แพ้กัน

เกตุเริ่มต้นเล่าถึงความสนใจในกีฬาฟุตบอล จนไปสมัครเข้าโครงการในครั้งนี้ว่า "เริ่มติดตามตั้งแต่ฟุตบอลยูโร 2004 เป็นต้นมา ส่วนแรงบันดาลใจในการสมัครทำหน้าที่ครั้งนี้ เพราะคุณพ่อ คุณแม่เคยทำงานโรงแรม ดูแลอาหารและเครื่องดื่มให้แก่คนในสนามวาลด์ สเตเดี้ยมที่ใช้แข่งบอลโลกตอนนี้"

เช่นเดียวกัน สิ่งที่ได้รับจากการชอบฟุตบอลทำให้ ปั้นกลายเป็นหนึ่งในตัวแทนที่ได้เข้าร่วมโครงการนี้

"เป็นโอกาสที่ไม่มีใครทำได้แบบเรา ต่อให้เป็นเศรษฐีก็ทำไม่ได้ ได้แค่นำเงินไปแลกกับตั๋วเท่านั้น แต่ไม่สามารถเดินนำธงนำนักเตะทีมชาติลงสนาม เพราะฉะนั้นพวกเราโชคดีมากที่ได้โอกาสนี้"

ขณะที่สถิติเดาะบอล 3,200 ครั้งไม่ตกพื้นในเวลา 1.30 ชั่วโมง ทำให้ออฟมีโอกาสร่วมเป็นหนึ่งในทีมเด็กนำธงบอลโลก ซึ่งไม่เพียงแต่อ็อฟและครอบครัวเท่านั้นที่ดีใจ เพราะก่อนเดินทางคนทั้งอำเภอต่างร่วมแสดงความยินดี และจัดเลี้ยงให้แก่เขา

ประสบการณ์ต่างแดน

เด็กๆ ผลัดกันเล่าถึงการใช้ชีวิตในแคมป์เยาวชนในเมืองที่จัดการแข่งขันมหกรรมลูกหนังระดับโลก เยอรมนี ร่วมกับเยาวชนจาก 27 ประเทศ เริ่มจากเกตุ สาวน้อยคนเดียวในกลุ่ม

"ไปถึงเช้าวันที่ 8 (มิ.ย.) บ้านพักเป็นบ้านหลังเล็กสีขาวเรียงติดกัน แบ่งให้พักประเทศละ 1 หลัง หน้าบ้านประดับด้วยธงแต่ละประเทศ เกตุเขียนถึงพระราชพิธีฉลองสิริราชสมบัติครบ 60 ปีของในหลวงลงบนป้ายหน้าบ้าน เพื่อให้ทุกคนได้รับรู้ว่าชาติไทยกำลังเข้าสู่พระราชพิธีที่ยิ่งใหญ่ไม่แพ้เรื่องใดๆ ในโลกนี้"

ปั้นส่งเสียงเจื้อยแจ้วเสริมว่า "ด้านนอกมีสนามหญ้าใหญ่สุดลูกหูลูกตา มีเกมกีฬาฟุตบอลต่างๆ ให้เล่นร่วมกัน พอไปถึงได้รับของที่ระลึก เข็มกลัด สายรัดข้อมือ ลูกบอล รองเท้า เสื้อ กางเกง สำหรับใส่ทำกิจกรรม"

เกตุเพิ่มเติมว่า

"มีการทดสอบทักษะฟุตบอล เลี้ยง ส่ง โหม่ง ยิง โดยได้รับคำแนะนำจากผู้ฝึกสอน ได้เล่นฟุตบอล ทีมไทยผนึกกำลังรัสเซียแข่งกับเยาวชนอังกฤษ ชนะ 1-0 ตอนเย็นพวกเรา และเพื่อนเยาวชนมานั่งชมการถ่ายทอดฟุตบอลนัดเปิดสนาม มีเพนต์หน้าเป็นรูปธงชาติ ร้องเพลงเชียร์ บรรยากาศรอบๆเหมือนอยู่ในสนาม วันต่อมาไปเล่นเกม และเรียนรู้ประวัติศาสตร์ที่ปราสาท Tannenberg ซึ่งสร้างตั้งแต่ศตวรรษที่ 13"

วินาทีบันทึกประวัติศาสตร์แห่งชีวิต

และแล้วก็มาถึงวันสำคัญ ในช่วงเช้าของวันที่ 10 มิถุนายน เด็กไทย เยอรมนี และอังกฤษ ตื่นตั้งแต่ 6 โมงเช้าเพื่อเดินทางไปยังสนามกีฬาวาลด์ สเตเดี้ยม พร้อมกับใช้เวลาก่อนการแข่งขัน 7 ชั่วโมงในการฝึกซ้อมถือธงชาติผืนใหญ่เดินเข้าสู่สนาม

ปั้นย้อนถึงสัมผัสก้าวแรกเหยียบลงไปบนสนามหญ้าที่ใช้แข่ง "เข้าไปในสนาม ดูบรรยากาศรอบๆ พอเริ่มคุ้น หัวหน้าของสนามทำหน้าที่อธิบายภารกิจ พวกเรายืนอยู่ตำแหน่งปากอุโมงค์ เป็นกลุ่มแรกที่นำขบวนออกมา พวกเราและเพื่อนจากเยอรมนีถือธงปารากวัย ส่วนเยาวชนอังกฤษถือธงอังกฤษ ซ้อม 4 รอบ พวกเรารวมทั้งเด็กถือธงฟีฟ่า ธงแฟร์เพลย์ ลักกี้บอยทำหน้าที่จูงมือนักกีฬาเข้ามาจึงได้พัก แล้วลงไปซ้อมใหญ่อีกประมาณ 8 รอบ"

เกตุเพิ่มเติมว่า "ก้าวแรกเหยียบสนาม รู้สึกถึงกลิ่นอายฟุตบอล เวลาที่รอคอยจะมาถึงแล้วหรือนี่ เวลาที่อยากทำมาตลอดกำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่ชั่วโมงข้างหน้า"

และแล้วพวกเขาในชุดเครื่องแบบผู้เชิญธงอย่างเป็นทางการของฟีฟ่าก็ถึงเวลาเดินนำธงชาติลงสู่สนาม ท่ามกลางสายตาแฟนบอลนับล้านๆ คู่จากในสนาม และที่กำลังมองผ่านจอโทรทัศน์

"เจ้าหน้าที่ให้สัญญาณสู่สนาม และบอกว่าแฟนบอล 50,000 คนในสนามกำลังจ้องพวกเราอยู่ อีก 500 ล้านคนทั่วโลกกำลังมองพวกเราผ่านทีวี คุณทำหน้าที่ของคุณให้ดีที่สุด ฮอลลีวูดกำลังต้อนรับคุณอยู่"

ปั้นเผยความรู้สึกในวินาทีนั้นต่อว่า "จุดสูงสุดของการมาครั้งนี้ เดินทางมา 4 พันไมล์เพื่อมาถึงจุดจุดนี้ อยากหยุดเวลา เก็บรายละเอียดทุกอย่างไว้ ความรู้สึกผมมันยิ่งใหญ่มาก เป็นประสบการณ์ ความรู้สึกที่เด็กวัยเดียวกันไม่ได้สัมผัส แต่ผมเป็น 1 ใน 4 คนไทยที่เดินทางไปทำหน้าที่ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ประทับใจมาก"

สำหรับเกตุแล้ว วินาทีนั้นช่างผ่านไปอย่างรวดเร็ว "ก่อนจะเข้าไปสแตนด์บาย (stand by) ในสนาม มองเห็นแฟนบอลเต็มอัฒจันทร์ไปหมด รู้สึกประหม่า ตื่นเต้นมาก ใจสั่นไปหมด ยิ่งตอนนำธงออกไป มองขึ้นมาเห็นแฟนบอลเยอะมาก ขนลุกทันที ไม่เคยเจอคนเยอะแบบนี้ ทุกคนที่อยู่บนอัฒจันทร์จับจ้องมาที่พวกเรา สายตาเป็นหมื่นๆ คู่ทำให้ยิ่งสั่น แต่เนื่องจากแฟนบอล และนักฟุตบอลที่ชื่นชอบยืนอยู่ตรงหน้า ทำให้มีแรงบันดาลใจที่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด

"ซ้อมประมาณ 8 รอบ แต่ละรอบเหมือนจะนาน แต่พอเดินลงไปจริงๆ เวลาที่อยู่ในสนามประมาณ 8 นาที กว่าเพลงชาติของทั้งสองประเทศจะจบ 8 นาทีในนั้นเหมือน 8 วินาที รู้สึกว่าทำไมเวลามันผ่านไปเร็วอย่างนี้ สิ่งที่รอคอยมานานกำลังจะผ่านไปแล้ว ไม่อยากกะพริบตา เวลาที่สามารถอยู่ในสนามเร็วมาก ถ้าทำได้อยากยืนมองไปรอบๆ ตัว หาเวลาอย่างนี้ยาก คนห้าหมื่นคนในสนามกำลังมองเราอยู่ เป็นโอกาสที่หายากมาก นอกจากฟุตบอลโลกครั้งนี้แล้ว คงไม่มีอีกแล้ว ถึงจะไม่มีทักษะฟุตบอลมากนัก แต่ก็ภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก"

สัมผัสมือนักเตะดาวดัง

ก่อนช่วงพิธีการจะเริ่มขึ้น ประสบการณ์สุดพิเศษก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อบรรดาเด็กนำธงกำลังเข้าประจำที่ที่อุโมงค์ พลันก็มองออกไปเห็นทีมนักฟุตบอลอังกฤษและปารากวัยกำลังเดินกลับเข้าห้องพักนักกีฬาหลังจากการซ้อมฝีเท้า เมื่อนักเตะดาวดังทีมชาติอังกฤษนำขบวนโดย เดวิด เบคแฮม ,เวย์น รูนีย์ ,สตีเว่น เจอร์ราร์ด เดินผ่านพวกเขาเพื่อไปเปลี่ยนชุดแข่ง วินาทีนั้นทำให้ทุกคนถึงกับกรี๊ดสนั่น

ขณะเดียวกันก็เป็นโชคดีอีกครั้งของเยาวชนทั่วโลก รวมถึงเยาวชนไทยทั้ง 3 คน เมื่อเวย์น รูนีย์ที่เพิ่งเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จเดินออกมาเพื่อไปนั่งเก้าอี้ตัวสำรองข้างสนาม วินาทีนั้นเอง พวกเขาจึงไม่พลาดที่จะรี่เข้าไปทักทาย และขอสัมผัสมือกับนักเตะขวัญใจที่กำลังฮอตอยู่ในเวลานี้

ปั้นเล่าถึงนักเตะด้วยรอยยิ้ม "คนแรกที่เดินลงมา จำได้ติดตาคือเจอร์ราร์ด เด็กทุกคนที่มาทำหน้าที่ต่างคลั่งไคล้ฟุตบอลอยู่แล้ว เห็นดังนั้นพากันปรบมือเกรียวกราว ส่งเสียงเรียกชื่อนักกีฬาทุกคนที่เดินลงมา โดยเฉพาะเวย์น รูนีย์ ขวัญใจของหลายๆ คน ได้รับเสียงเรียกชื่อดังมาก

"11 ตัวจริงที่เห็นในทีวี ฮีโร่ของเรา ตอนนั้นยืนอยู่ห่างแค่ 10 เมตร เป็นประสบการณ์ที่ทำให้รู้สึกว่าฟุตบอลมีผลกระทบส่งผลให้แฟนบอลทั่วโลก กระทั่งตัวเราคลั่งไคล้ขนาดนี้เลยหรือ ฟุตบอลเป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่มาก

"จากนั้นอาจเป็นวินาทีที่ประทับใจมากที่สุดในครั้งนี้เลย เมื่อตัวสำรองเดินออกมานั่งม้านั่งสำรอง หนึ่งในนั้นคือเวย์น รูนีย์ ขวัญใจของผม และออฟ ตัวไม่สูงมาก พอเห็นปุ๊บ ออฟเดินเข้าไปสัมผัสมือคนแรก แล้วเขาก็จับมือกับพวกเรา อัธยาศัยดี

"ตื่นเต้น ประทับใจ ไม่คิดว่าคนที่ขึ้นมายืนอยู่บนจุดสูงสุดของนักฟุตบอลจะให้ความสำคัญกับเด็กตัวเล็กๆ อย่างเรา เป็นสิ่งที่ประทับใจมาก เคยมีรุ่นพี่ได้จับมือเดวิด เจมส์ คิดว่าโชคดีจัง เราคงไม่โชคดีขนาดนั้น แต่กลายเป็นว่าเราโชคดีกว่าอีกได้จับมือกับเวย์น รูนีย์, อาร์รอน เลนนอน และตัวสำรองคนอื่นๆ พวกเราได้จับมือทุกคน และคนที่ประทับใจมากก็คือเดวิด เจมส์หยอกล้อกับเด็กถือธง"

ออฟรีบเสริมว่า ฝันจะมาชมบอลโลกและจับมือกับนักเตะในดวงใจ ดังนั้นจึงไม่พลาดที่จะตรงเข้าไปสัมผัสมือทันทีที่ได้เจอ

"ติดตามรูนีย์ตั้งแต่เล่นอยู่เอฟเวอร์ตัน กระทั่งเป็นซูเปอร์สตาร์ระดับโลก ฝันว่าสักวันจะได้เจอและสัมผัสมือเขา แล้วความฝันก็เป็นจริง ดีใจมาก เป็นเวลากระชั้นชิดมาก ซูเปอร์สตาร์ที่ตั้งใจจะเจอ จู่ๆ เดินออกมา ผมยืนอยู่แถวนอก สิ่งที่คิดออกตอนนั้นคือฝากธงให้เพื่อนถือ แล้วรีบวิ่งเข้าไปจับมือก่อนที่เขาจะเดินไปนั่ง ยังจำได้ว่ามือขวาเย็นมาก ก่อนไปตั้งความหวังว่าอยากดูทีมชาติอังกฤษเตะอย่างประทับใจ แล้วก็ได้ดู แม้ว่านัดนั้นอังกฤษเล่นด้วยฟอร์มไม่ดี แต่ก็ดีใจที่ได้เจอและสัมผัสมือกับนักเตะในดวงใจ ก็ถือว่าสิ่งที่ผมได้ทำบรรลุเป้าหมายที่ฝันไว้"

ขณะที่เกตุเล่าไปยิ้มไปว่า ถึงแม้ไม่ได้สัมผัสมือนักเตะในดวงใจ แต่ก็ดีใจไม่น้อยที่ได้จับมือกับนักเตะชื่อดัง

"ขวัญใจส่วนใหญ่เป็นนักเตะทีมชาติเยอรมนี ฟิลลิป ลามพ์ ตั้งความหวังไว้ก่อนไปว่าถ้าเจอนักฟุตบอลที่ชอบจริงๆ อยากเข้าไปกอด แค่จับมือไม่พอ ส่วนเวย์น รูนีย์ก็ชื่นชมและไม่คิดว่าจะมีโอกาสได้จับมือ พอยื่นมือออกไปเขาก็ยื่นมือออกมาจับ น้อยคนที่จะได้ทำแบบพวกเรา จากที่ใจเต้นตึกๆ อยู่แล้ว ยิ่งทวีเป็น 2-3 เท่า มือไม้สั่น เย็นไปหมด ตอนนั้นพูดอะไรไม่ออก นอกจากคำว่าฉันจะไม่ล้างมือ"

มุมมองผ่านลูกหนัง

ปั้นย้อนกลับไปดูสิ่งที่ได้รับในช่วงเวลา 5 วัน 4 คืน (ระหว่างวันที่ 7 -12 มิถุนายนที่ผ่านมา) แล้วกล่าวว่า ทำให้เขาได้เห็นฟุตบอลในมุมที่เป็นปรัชญาชีวิตข้อหนึ่ง

"ฟุตบอลใช้คนเล่น 22 คน มีกติกาไม่ซับซ้อน แต่ให้อะไรหลายๆ อย่างเวลาเล่น ชีวิตไม่สามารถดำรงอยู่ได้เพียงลำพัง คุณต้องการผู้ช่วย เพื่อน ถ้าเล่นเพียงคนเดียวสิ่งที่ได้คือความพ่ายแพ้ แต่ถ้าเล่น 11 คน สิ่งที่ได้กลับมาอาจเป็นชัยชนะหรือความพ่ายแพ้ แต่นั่นได้พิสูจน์ให้เห็นว่าอยู่ในบนสังคมที่มีความสุขและประสบความสำเร็จในชีวิตในจุดจุดหนึ่ง นอกจากนี้ยังสอนให้แข็งแกร่งและเสริมมิตรภาพ ไปครั้งนี้ได้เล่นบอลร่วมกับเพื่อนเยาวชน มีเพื่อนเยอรมันพูดภาษาอังกฤษได้น้อยมาก แต่สิ่งที่เขาพูดกับผมคือเราสื่อสารกันด้วยฟุตบอล"

ขณะเดียวกัน การเดินทางไปทำหน้าที่ในครั้งนี้ของพวกเขายังได้นำความเป็นไทยไปเผยแพร่สู่สายตาชาติอื่นๆ อีกด้วย ซึ่งนอกจากเอกลักษณ์การไหว้ที่เยาวชนไทยนำไปเผยแพร่แล้ว แต่ละคนยังเตรียมของที่ระลึกของท้องถิ่นไปมอบให้เพื่อนต่างแดน โดยของที่ระลึกของเกตุเป็นเอกลักษณ์ของเมืองไทยในรูปแบบพวงกุญแจรถตุ๊กๆ และโขน ส่วนของที่ระลึกของปั้นเป็นที่คั่นหนังสือไม้รูปช้าง และออฟ เด็กหนุ่มจากใต้นำเอาพวงกุญแจหนังตะลุง พร้อมโบรชัวร์ท่องเที่ยวไปแจกเพื่อนๆ

"สอนวิธีการไหว้และการทักทายแบบไทย ประเทศอื่นชอบ ยุโรปมีวัฒนธรรมคล้ายกัน พอเจอแบบนี้ก็บอกว่าวัฒนธรรมของบ้านเราน่าสนใจมาก" ปั้นกล่าว

วาดหวังเชียร์ทีมไทยไปบอลโลก

ความหวังอีกอย่างหนึ่งก่อนเดินทางไปทำหน้าที่ของออฟ คือการได้ไปดูทักษะการเล่นของนักเตะชาติต่างๆ เพื่อนำมาปรับปรุงและเพิ่มศักยภาพขีดความสามารถในการเล่นบอลของตัวเอง ให้สามารถก้าวเข้าไปเป็นหนึ่งในทีมชาติเช่นเดียวกับนักเตะในดวงใจ

"ฝันว่าสักวันจะไปดูฟุตบอลโลก ดูทีมชาติว่าเตะกันอย่างไร มีทักษะการเล่นอย่างไรถึงได้ไประดับชาติ เพื่อนำมาปรับปรุงตัวผมว่าต้องเล่นทักษะอย่างไรจึงจะเก่งเหมือนเขา ผมรักฟุตบอลมาก ฝันว่าสักวันหนึ่งจะเป็นนักเตะทีมชาติให้ได้ และตอนนี้ผมก็อยู่ระหว่างคัดเลือกนักเตะเยาวชนไทยรอบสุดท้ายไปแข่งที่เกาหลี"

และด้วยความสามารถทางการกีฬาลูกหนัง ทำให้ชั่วเวลาไม่ทันข้ามวันลีลาการเล่นในสนามฝึกทักษะเล็กของแคมป์เยาวชนเยอรมนี เด็กหนุ่มคนนี้กลายเป็น raising star ขวัญใจเพื่อนเยาวชนนานาชาติ โดดเด่นถึงขนาดที่โค้ชฝรั่งถึงกับเอ่ยปากชมว่าเป็นผู้เล่นที่ดี และมีความเป็นมืออาชีพ สามารถก้าวขึ้นมาเป็นนักกีฬาฟุตบอลของเมืองไทยในอนาคตได้อย่างแน่นอน

"รู้สึกดีใจมากที่ทำให้เขาประทับใจได้ในเรื่องกีฬา หวังว่าวันหนึ่งผมจะต้องติดทีมชาติให้ได้ วันหนึ่งทีมชาติไทยจะได้ไปเตะบอลโลก เมืองไทยไม่ใช่ว่าจะไปไม่ได้ เขาได้ประเมินแล้วว่าเมืองไทยมีนักเตะฝีมือดี มีทักษะที่ดี แต่เสียที่รูปร่างไม่สูงใหญ่อย่างเดียว ก็ฝันว่าวันหนึ่งจะได้มีโอกาสกลับไปเหยียบสนามแฟรงก์เฟิร์ตอีกครั้งหนึ่ง พอไปเห็นกลับมาคิดว่าผมต้องกลับมาฟิตร่างกาย อยากให้รัฐสนับสนุนอุปกรณ์สร้างกล้ามเนื้อนักกีฬาและสนับสนุนให้คนหันมาเล่นกีฬามากที่สุด หวังว่าไทยจะมีนักกีฬาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ" ออฟกล่าว

สักวันอาจจะได้เห็นทีมชาติไทยเดินเข้าสู่การแข่งขันบอลโลกเหมือนที่ออฟหวังไว้ก็เป็นได้ แต่สำหรับวันนี้ แม้ก้าวแรกในสนามบอลโลกของเยาวชน ตัวแทนของประเทศไทยนำธงได้ผ่านสายตาแฟนบอลนับล้านทั่วโลกไปแล้ว แต่ภาพความทรงจำอันน่าประทับใจจะยังคงตราตรึงอยู่ในจิตใจของพวกเขาตลอดไป

***************

เรื่อง - ศิริญญา มงคลวัจน์

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
o_TOD
 
โพสต์: 181
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ ต.ค. 10, 2005 10:53 pm
ที่อยู่: Happiness Factory

ย้อนกลับไปยัง COKE NEWS

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน