โดย o_MaKKaPaN » ศุกร์ ก.ค. 06, 2007 10:19 am
ซานมิเกลเล็งแตกไลน์กลุ่มอาหาร จัดทัพลุยเครื่องดื่มนอนแอลกอฮอล์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 6 กรกฎาคม 2550 09:48 น.
ซาน มิเกล ตั้งเป้า 3-5 ปี รุกไลน์อาหารสู้ศึกซีพี ล่าสุดจัดงบ 20 ล้านบาท เดินหน้าลุยธุรกิจกลุ่มเครื่องนอนแอลกอฮอล์ หลังพบช่องโหว่ตลาด เผยแผนครึ่งปีหลัง เตรียมส่งเครื่องดื่มรสชาติใหม่ลุยระเบิดตลาดน้ำผลไม้อีก 2-3 รายการ หวังดันรายได้กลุ่มนอนแอลกอฮอล์สิ้นปีฉลุย 70 ล้านบาท นางสาวจิราวรรณ อัศวาณิชย์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย กลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ บริษัท ซาน มิเกล มาร์เก็ตติ้ง (ประเทศไทย) จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทอยู่ระหว่างการศึกษา การนำสินค้าในกลุ่มอาหารเข้ามาทำตลาดในประเทศไทย ต่อจากกลุ่มสินค้าเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และไร้แอลกอฮอล์ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพบริษัทแม่จากประเทศฟิลิปปินส์ จึงมีแผนที่จะดำเนินธุรกิจให้ประสบความสำเร็จเหมือนบริษัทแม่ที่ทำธุรกิจทั้งในส่วนของเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ และกลุ่มสินค้าอาหาร ซึ่งหากเปรียบเทียบกับประเทศไทยบริษัทแม่ก็เหมือนกับบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ หรือซีพี
ทั้งนี้บริษัทฯคาดว่าอีกประมาณ 3-5 ปีข้างหน้าจะมีข้อสรุปพร้อมเข้าทำตลาดได้ เนื่องจากกลุ่มสินค้าประเภทอาหารที่ทำตลาดอยู่ในประเทศฟิลิปปินส์ในขณะนี้มีหลายกลุ่มสินค้า เช่น ไก่ ,พิซซ่า,ไอศกรีม และฮอทดอก เป็นต้น ดังนั้นจึงต้องใช้เวลาในการศึกษาตลาดระยะยาว เพื่อให้กลุ่มสินค้าที่จะนำเข้ามาทำตลาดในไทยตรงกับความต้องการของผู้บริโภค ซึ่งขณะนี้ยังศึกษาตลาดการนำสินค้ากลุ่มอาหารเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยอยู่ ด้านแผนการดำเนินธุรกิจของกลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์ในปีนี้ บริษัทฯมีแผนใช้งบประมาณอีก 20 ล้านบาท สำหรับเปิดตัวสินค้าใหม่และทำกิจกรรมทางการตลาดตลอดทั้งปี ซึ่งล่าสุดบริษัทได้เปิดตัวน้ำผลไม้ 20% ภายใต้แบรนด์แบร์รี่ ซันเบลสท์ รสมิกซ์เบอรี่ เข้ามาทำตลาดเป็นสินค้าเอ็กซ์คูซีฟในร้านแฟมิลี่มาร์ท เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 15 ปี คาดว่าสิ้นปีจะมียอดขายไม่ต่ำกว่า 100,000 หีบ
นอกจากนี้บริษัทยังมีแผนที่จะเปิดตัวน้ำผลไม้รสชาติใหม่เข้ามาทำตลาดในช่วงครึ่งปีหลังนี้อีกประมาณ 2-3 รสชาติ ซึ่งภายหลังจากที่บริษัทได้เปิดตัวสินค้าเข้าทำตลาดครบตามจำนวนที่วางแผนไว้คาดว่าจะส่งผลให้สิ้นปีนี้บริษัทมีรายได้จากกลุ่มเครื่องดื่มไร้แอลกอฮอล์อยู่ที่ประมาณ 60-70 ล้านบาท หรือมีส่วนแบ่งการตลาดอยู่ที่ประมาณ 5% ของตลาดรวมน้ำผลไม้ 5,000 ล้านบาท สำหรับปีนี้คาดว่าภาพรวมตลาดน้ำผลไม้จะมีอัตราการเติบโตอยู่ที่ประมาณ 17% เท่ากับปีที่ผ่านมา เนื่องจากมีผู้เล่นในตลาดมากขึ้น แบ่งเป็นน้ำผลไม้พรีเมี่ยม 2,500 ล้านบาท ,มีเดียม 450-500 ล้านบาท และอีโคโนมี่ประมาณ 2,000 ล้านบาท
นางจิราวรรณ กล่าวต่อว่า จากภาวะเศรษฐกิจที่เกิดขึ้นในขณะนี้ จะยากกว่าการทำตลาดมากกว่าปีก่อนๆ เนื่องจากคู่แข่งต่างปรับตัวตามตลาด เช่นเดียวกันบริษัทจำเป็นต้องเปิดเกมบุกตลาดเพื่อต่อสู่ กับคู่แข่งด้วยเช่น เดียวกันสิ่งหนึ่งเพื่อต่อสู้กับการแข่งในตลาดอีกทั้งเป็นการกระตุ้นยอดขายเพิ่มได้อีกทางหนึ่งด้วย ทั้งนี้ในครึ่งปีหลัง เรายังคงเดินหน้าเปิดตัวสินค้าใหม่เข้าทำตลาดอย่างต่อเนื่อง เพื่อเพิ่มทางเลือกให้กับลูกค้าอีกด้วย