หน้า 1 จากทั้งหมด 2
ภิรมย์ภักดี

โพสต์แล้ว:
อังคาร พ.ค. 09, 2006 12:06 am
โดย o_PAO
โดย บิสิเนสไทย [26-1-2002]
ตระกูล
บุญรอดฯเล็งขายเบียร์5 ขวด100

โพสต์แล้ว:
อังคาร ธ.ค. 19, 2006 10:58 am
โดย o_MaKKaPaN
บุญรอดฯเล็งขายเบียร์5ขวด100 แฉเหล้าขาวทำคนไทยขี้เมา-จี้รีดภาษีเพิ่ม
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 19 ธันวาคม 2549 09:48 น.
บุญรอดฯ ผุดแผนรับมือยุคมืดห้ามน้ำเมาโฆษณา 24 ชั่วโมง สงครามราคาฟองเบียร์ปะทุ จ่อคิวปั้นเบียร์ยี่ห้อใหม่ ชูราคา 5 ขวด 100 บาทถล่ม ไล่บี้ภาครัฐขึ้นภาษีเหล้าขาว ควักข้อมูล WHO จวกเหล้าขาวคนไทยซด 7.13 ลิตรต่อคนต่อปี ต้นเหตุทำเมืองพุทธติดอันดับดื่มน้ำเมาอันดับ 5 ของโลก
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายเบียร์สิงห์ฯลฯ เปิดเผยถึงความเคลื่อนไหวล่าสุดกรณีประกาศจากสำนักคณะกรรมการอาหารและยาหรือ อย. ห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมงว่า ตามหนังสือฉบับที่ 5-92/49 คณะกรรมการกฤษฎีกาตีความว่า อย.ไม่มีอำนาจออกประกาศห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24 ชั่วโมง และให้เลื่อนกำหนดใช้จากวันที่ 3 ธ.ค. 49 เป็นวันที่ 2 ม.ค. 50 ซึ่งบริษัทฯคาดว่าจะเลื่อนออกไปอีก ในส่วนนี้มีผลต่อการทำตลาดในปีหน้าของผู้ประกอบการ โดยไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่าผลจะออกมาเป็นอย่างไร
สำหรับแผนการตลาดของบริษัทฯ กรณีห้ามเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โฆษณา 24ชั่วโมง ได้เตรียมเปิดตัวเหล้าแบรนด์ใหม่ในปีหน้านี้ ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯมีสินค้าที่ฝ่ายวิจัยและพัฒนา 20ตัว โดยการเปิดตัวแบรนด์ใหม่จะใช้กลยุทธ์ราคาวางราคา 5 ขวด 100 บาท ทั้งนี้เพื่อรองรับกับสงครามราคาที่จะเกิดขึ้นในตลาดเบียร์ ซึ่งจะมีผลทำให้ตลาดเบียร์มูลค่า 8.2 หมื่นล้านบาท การเติบโตจะเป็นในเชิงปริมาณ 10% ส่วนในเชิงมูลค่าจะไม่เติบโต ใกล้เคียงกับปี 2545-2546 ซึ่งในช่วงนั้นภาวะเศรษฐกิจดี ส่งผลให้คนหันมาบริโภคเบียร์มากขึ้น โดยในเชิงปริมาณเติบโต 11-12%

โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 20, 2006 12:58 am
โดย o_PAO
โห ได้กินแทนน้ำกันละงานนี้


โพสต์แล้ว:
พุธ ธ.ค. 20, 2006 9:04 pm
โดย o_Coolhei
PAO เขียน:โห ได้กินแทนน้ำกันละงานนี้

แบบนี้แหละที่พี่หน่องรอคอย อิ อิ อิ

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ มี.ค. 16, 2007 2:53 pm
โดย o_MaKKaPaN
สิงห์จวกพ.ร.บ.น้ำเมาเอื้อเหล้าขาว กระทบเศรษฐกิจไทยยิ่งถอยหลัง
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 15 มีนาคม 2550 19:21 น.
เบียร์สิงห์ ออกโรงจวกพ.ร.บ.น้ำเมา สร้างความสับสนสังคม เอื้อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ วอนรัฐทบทวนใหม่ แบนโฆษณาเข้าข่ายขัดดับบลิวทีโอ ระบุตลาดน้ำเมาปีนี้มีโอกาสไม่โต ส่วนเหล้าขาวโตพุ่งจาก 500 ล้านลิตร เป็น 550 ล้านลิตร เตรียมปรับแผนรับมือยุคมืด โยกงบหนุนกีฬาถ่ายทอดสดประเทศเพื่อนบ้าน จ่อคิวดำเนินคดีตามกฎหมายกรณีไม่ได้รับความเป็นธรรมจากพ.ร.บ. หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพ.ร.บ.การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และเตรียมเสนอที่ประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ(สนช.) โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ จะควบคุมทั้งโฆษณา สถานที่บริโภค สถานที่จำหน่ายและการกำหนดอายุผู้ซื้อ ในส่วนของการโฆษณาห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทุกชนิด ทุกสถานที่และทุกเวลา ซึ่งเท่ากับว่าเป็นการห้ามโฆษณาโดยสิ้นเชิงนั้น
นายสันติ ภิรมย์ภักดี กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเบียร์สิงห์ ลีโอ และไทเบียร์ ได้ออกมาเคลื่อนไหวด้วยการกล่าวว่า หากพ.ร.บ.บังคับใช้จริงจะสร้างผลกระทบต่อเศรษฐกิจในวงกว้าง ไม่เฉพาะแต่ผู้ผลิตอย่างเดียว ยังรวมไปธุรกิจเกี่ยวเนื่องตั้งแต่การท่องเที่ยว ร้านอาหาร ร้านค้าทั่วไป อาชีพเกี่ยวกับเนื่อง อาทิ สาวเชียร์สินค้า อุตสาหกรรมโฆษณา และที่น่ากังวลที่สุดท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวในขณะนี้ คือ การสร้างผลกระทบต่อผู้ค้าขายระดับรากหญ้า จะทำให้ธุรกิจประเทศไทยถอยหลังไปอีกหลายปี นี้ สำหรับเบียร์สิงห์ที่ผ่านมาดำเนินการสนับสนุนสถานที่ท่องเที่ยว 700 รายการ และมีสาวเชียร์เบียร์ 800 คน
"ผมอยากให้ภาครัฐมองการค้าในระดับโลกให้มากขึ้น เพราะการมีกฎหมายดังกล่าวเท่ากับว่าประเทศไทยกีดกั้นทางการค้าขัดต่อกฎเกณฑ์ขององค์การการค้าโลกหรือดับบลิวทีโอ หรือกระทั่งเอฟทีเอทันที ซึ่งสินค้าต่างประเทศจะรับได้ไหม เพราะแบรนด์ใหม่ไม่สามารถแข่งขันกับสินค้าท้องถิ่นที่มีอยู่ในตลาดได้ เนื่องจากขาดการโฆษณาสร้างแบรนด์ และประการสำคัญทำให้รายได้จากการจัดเก็บภาษีลดลง จากปีที่ผ่านมาภาษีเครื่องดื่มแอลกอฮอล์รวมแล้วราว 74,101 ล้านบาท แบ่งเป็น ภาษีสุรา 28,619 ล้านบาท ภาษีเบียร์ 45,482 ล้านบาท อีกทั้งยังเกรงว่ากรณีควบคุมเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างสิ้นเชิง จะซ้ำรอยกรณียาสูบที่ฟ้องร้องกันที่ศาลโลก แล้วไทยก็แพ้ในที่สุดก็ต้องปล่อยให้แบรนด์อื่นเข้ามาทำตลาด"
ชี้รัฐเอื้อประโยชน์เหล้าขาวเต็มๆ
นายสันติ กล่าวเพิ่มเติมว่า มีผู้ประกอบการรายใหญ่ใช้เงินเพื่อให้เกิด พ.ร.บ.การควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะไม่ต้องการให้กระทบต่อตลาดเหล้าขาว ซึ่งเป็นสินค้าเพียงตัวเดียวที่ไม่ได้รับผลกระทบจากการมีกฎหมายฉบับดังกล่าว เนื่องจากเหล้าขาวในปัจจุบันไม่ต้องมีโฆษณาก็จำหน่ายได้ แต่ดึงดูดกลุ่มเป้าหมายด้วยการจำหน่ายราคาถูก เพราะมีการจัดเก็บภาษีต่ำดีกรีละ 75 สตางค์ ขนาด 625 ซีซี ปริมาณ 40 ดีกรี เมื่อเทียบกับเบียร์ดีกรีละ 7 บาท โดยเหล้าขาวเสียภาษี 17.5 บาทต่อขวด ในขณะที่เบียร์เสียภาษี 22.76 บาทต่อขวด
ทั้งนี้การมีพ.ร.บ.ควบคุมการบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บังคับใช้ปีแรกจะไม่ส่งผลกระทบต่อตลาดเครื่องดื่มแอลกอฮอล์โดยรวมมากนัก โดยคาดว่าตลาดจะไม่มีอัตราการเติบโต ขณะที่ตลาดเหล้าขาวยังมีอัตราการเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าปีนี้ตลาดจะขยับเป็นมากกว่า 550 ล้านลิตร จากเมื่อปี 2549 มีอัตราการเติบโต 17.8% หรือเชิงปริมาณเพิ่มเป็น 500 ล้านลิตร จากปี 2548 ตลาดเหล้าข้าว 400ล้านลิตร ซึ่งปัจจุบันบริษัทไทยเบฟเวอเรจฯ เป็นผู้ครองตลาดในสัดส่วน 96% ส่วนอีก 4% เป็นรายย่อย
พึ่งกฎหมายเรียกความเป็นธรรม
สำหรับแผนการตลาดรองรับกับกฎหมาย ในเบื้องต้นนำพ.ร.บ.มาวิเคราะห์อย่างถี่ถ้วน และหากส่วนใดบริษัทไม่ได้รับความเป็นธรรม กรณีโลโก้น้ำดื่มหรือกระทั่งโซดาที่ใช้เหมือนกันกับเบียร์สิงห์ จะมีการดำเนินการตามกฎหมาย ส่วนด้านการโฆษณาประชาสัมพันธ์ บริษัทจะโยกงบไปใช้ในการเป็นผู้สนับสนุนการแข่งขันกีฬาในประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การจัดแข่งขันกอล์ฟในประเทศเวียดนาม และลาว เป็นต้น ถ่ายสดมายังประเทศไทย เนื่องจากตามที่พ.ร.บ.กำหนดไว้สามารถทำได้ กรณีเป็นการถ่ายทอดจากต่างประเทศ ส่วนยอดขายปีนี้บริษัทอาจจะต้องปรับเป้าลดลง จากเดิมตั้งเป้าไว้ 1,000ล้านลิตรในสิ้นปีนี้
แจงรัฐพ.ร.บ.ฯก่อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ
รศ.ดร.สุธาบดี สัตตบุศย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บุญรอดบริวเวอรี่ จำกัด กล่าวเสริมว่า พ.ร.บ.ฯ จะสร้างความสับสนให้กับสังคมทั้งตัวผู้ผลิต ผู้ประกอบการ ร้านค้าทั่วไปในเชิงปฏิบัติ เพราะรายละเอียดปลีกย่อยมีมากมายว่าเข้าข่ายผิดกฎหมายหรือไม่ ขณะเดียวกันยังเอื้อให้เกิดการเลือกปฏิบัติ ตามสถานที่ร้านอาหาร ผับ บาร์ และหากมีกฎหมายดังกล่าวจะยิ่งทำให้ภาครัฐต้องเสียงบประมาณเท่าใด เพื่อทีมบุคคลากรเข้ามาควบคุมกฎหมาย ที่ผ่านมากฎหมายเกี่ยวกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในไทยมีอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องมีกฎหมายซ้ำซ้อน เพียงแค่แก้ไขบางอย่างก็สามารถปรับใช้ได้ เช่น กำหนดอายุการจำหน่ายสุราให้ผู้ที่มีอายุ 18 ปี เป็น 20 ปี หรือขยายเวลาการโฆษณาหลัง 22.00-05.00 น. ก็ได้
การที่ภาครัฐนำข้อมูลว่า มีหลายประเทศได้นำกฎหมายห้ามเครื่องดื่มโฆษณาอย่างสิ้นเชิงมากล่าวอ้าง เป็นข้อมูลตั้งปี 2544 โดยประเทศนอร์เวย์ ต้นแบบห้ามโฆษณาทุกรูปแบบ เมื่อปี 2532 ขณะนี้กำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงกฎหมาย เนื่องจาก 14 ปีผ่านไปหลังห้ามโฆษณา อัตราการบริโภคเพิ่มขึ้น 20% เป็นอัตราสูงสุดคือ 6.03 ลิตรแอลกอฮอล์ต่อคนต่อปี จากเดิมอัตราการบริโภคอยู่ที่ 5 ลิตรต่อคนต่อปี ส่วนสวีเดน ศาลสหภาพยุโรป ได้ตัดสินว่า การห้ามโฆษณาเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ที่มีดีกรีสูงเกินกว่า 2.25% ทางสื่อทุกชนิด เป็นการกระทำที่กีดกันทางการค้าที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย และปี 2546 สวีเดนได้เปลี่ยนแปลงกฎหมายห้ามโฆษณา

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ มี.ค. 16, 2007 3:38 pm
โดย o_PAO
เสียดายเงินที่เอกชนต้องไปเป็นสปอนเซอร์กีฬาต่างประเทศ แล้วถ่ายทอดกลับมาเมืองไทย
มีเวลาคิดตั้งนาน ทำไมยังคิดได้แค่นี้ก็ไม่รู้
เรื่องกำหนดอายุ 20 ปี นี่เห็นด้วย
เรื่องกีดกันทางการค้าก็เห็นด้วย แบรนด์ใหม่ๆจะทำตลาดกันยังไง
อีกหน่อยต้องโดนฟ้องจากชาติต่างๆแน่
เรื่องเหล้าขาวขายดีก็เห็นด้วยเหมือนกัน ราคาถูกเกินไป แล้วยังมีแบ่งขายอีก
มีเงินไม่กี่บาทก็ซื้อกินได้แล้ว

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ มี.ค. 16, 2007 4:00 pm
โดย o_lekpn

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ มี.ค. 16, 2007 9:17 pm
โดย o_Livercoke

โพสต์แล้ว:
ศุกร์ มี.ค. 16, 2007 10:55 pm
โดย o_PAO
เดี๋ยวล็อคกระทู้นะ


โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 17, 2007 8:43 am
โดย o_lekpn

โพสต์แล้ว:
เสาร์ มี.ค. 17, 2007 8:46 am
โดย o_MaKKaPaN
คุณเล็กก็ ทำเป็น TOM&Jerry ไปได้


โพสต์แล้ว:
อาทิตย์ มี.ค. 18, 2007 12:15 am
โดย o_Livercoke
สิงห์ฯเท150ล.เพิ่มกำลังผลิตบีอิ้ง

โพสต์แล้ว:
จันทร์ พ.ค. 28, 2007 12:34 pm
โดย o_MaKKaPaN
สิงห์ฯเท150ล.เพิ่มกำลังผลิตบีอิ้ง รายได้พุ่งบี้อะมิโนโอเคอัดไพรซ์วอร์
โดย ผู้จัดการออนไลน์ 28 พฤษภาคม 2550 10:19 น.
สิงห์ฯ ยิ้มรับยอด 4 เดือนแรก น้องใหม่ บี-อิ้งไปได้สวย ยอดพุ่งเกิน 2 ล้านลิตรเกินกว่าเป้าที่วางไว้ ระบุเตรียมเบรกสายการผลิตชาเขียวโมชิ ลงทุน บี- อิ้ง เพิ่มเครื่องจักรใหม่ 150 ล้านบาทปีหน้า หันเพิ่มกำลังการผลิตสินค้าเครื่องดื่มเสริมสุขภาพประจำวันแทน พร้อมลุยรุก 3 ช่องทางขายหลักเจาะตามเซกเมนต์ โวหลังสินค้าติดตลาดส่งต่อยอดขายแตะ 270ล้านบาท นายสันต์ ภิรมย์ภักดี ผู้จัดการฝ่ายการตลาดกลุ่มไม่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ บริษัทสิงห์คอร์ปอเรชั่น ผู้ผลิตและทำตลาดเครื่องดื่มเบียร์สิงห์ ลีโอ เครื่องดื่มน้ำ และโซดา สิงห์ ชาเขียวพร้อมดื่มยี่ห้อ โมชิ และเครื่องดื่มเสริมสุขภาพประจำวันยี่ห้อ บี-อิ้ง เปิดเผยว่า บริษัท เตรียมใช้งบประมาณไว้กว่า 150 ล้านบาท สำหรับเพิ่มเครื่องจักรใหม่ในการผลิตสินค้า เครื่องดื่มยี่ห้อ บี-อิ้ง อีกทั้ง 3 รสชาติ ประกอบด้วย 1.บี -อิ้ง ไฟน์ 2.บี-อิ้ง บูทส์ และ 3.บีอิ้ง คอมฟอร์ท ที่ในปัจจุบันมีผลิตในต่างประเทศประกอบด้วย ประเทศญี่ปุ่น อเมริกา และฝรั่งเศส ซึ่งโรงงานดังกล่าวมีกำลังการผลิตอยู่ที่ 6ล้านลิตรต่อปี ทั้งนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเดินแผนต่อไป ซึ่งคาดว่าน่าจะสรุปได้ช่วงต้นปี 2551 นี้
สำหรับการรุกทำบี -อิ้ง บริษัทจำเป็นต้องหยุดการผลิตเครื่องดื่มชาเขียวโมชิ ซึ่งในปัจจุบันมีโรงงานอยู่ที่ถ.สามเสน กรุงเทพ โดยมีแนวทางว่าจ้างการผลิตสินค้าดังกล่าวจากภายนอก หรือโออีเอ็มแทน อย่างไรก็ตามบริษัทจะยังทำตลาดสินค้าชาเขียวยี่ห้อโมชิต่อไป ซึ่งต้องยอมรับว่าสินค้าเครื่องดื่มกลุ่มนี้มีอัตราเติบโตน้อย การมุ่งทำตลาดสายการผลิตเครื่องดื่มฯยี่ห้อ บี-อิ้ง นี้เนื่องจากพบว่าในช่วง 4 เดือนแรกหลังจากที่ได้เปิดตัวตั้งแต่เดือนมกราคมที่ผ่านมา ผลตอบรับเป็นที่น่าพอใจ ยอดจำหน่ายผลิตภัณฑ์กว่า 2 ล้านลิตร ส่งผลให้บริษัทหันมาให้ความสำคัญกับสายการผลิตสินค้ากลุ่มนี้มากขึ้น พร้อมกับยอมรับว่าได้มีการปรับเป้ายอดขายสินค้าภายในสิ้นปีนี้เพิ่มเป็น 4 ล้านลิตร หรือยอดขายอยู่ที่ 270 ล้านบาท จากเดิมที่วางไว้อยู่ที่ 3 ล้านลิตรเท่านั้น
ปัจจุบันเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพมีความจำเป็นอย่างเห็นได้ชัด เทรนด์สุขภาพมาแรง คนเราเริ่มหันมาดูแลตัวเองมากขึ้น เครื่องดื่ม บี -อิ้ง เป็นเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพประจำวัน ผสมผสานกับวิตามิน ความจำเป็นต่อร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นการทดแทนพลังงาน การสร้างใยอาหารอินนูลินช่วยย่อยอาหาร การสร้างวิตามินต่างๆ สร้างขึ้นมาเพื่อสอดรับกับความต้องการผู้บริโภคในตลาดที่ ไม่ค่อยมีเวลามากนักในการหาวิตามินหรือเครื่องดื่มสุขภาพที่ครบสูตรเช่นนี้ บริษัทฯเชื่อว่าบี-อิ้งจะต้องติดตลาด สำหรับกลยุทธ์การทำตลาดเพื่อสร้างความแตกต่างให้กับ บี-อิ้ง บริษัทฯ เตรียมงบประมาณไว้กว่า 120 ล้านบาท ทั้งนี้จะให้น้ำหนักในเรื่องกิจกรรมการตลาด ณ จุดขายและโฆษณาผ่านสื่อ ผสมผสานกับการปรับกลยุทธ์การทำตลาดเจาะเข้าสู่ช่องทางขายที่เหมาะสม เพื่อให้เหมาะกับกลุ่มเป้าหมายผลิตภัณฑ์ ยกตัวอย่างเช่น 1.บี-อิ้ง สีแดง จับกลุ่มผู้หญิง หรือ ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพ ศูนย์สุขภาพและความงาม สปา และกำลังเจรจากับสายการบินเพื่อนำเครื่องดื่มกลุ่มนี้ให้บริการบนเครื่องบิน 2.บี-อิ้ง สีฟ้า จับกลุ่มนักกีฬา ผู้ออกกำลังกาย จำหน่ายในศูนย์ออกกำลังกายและ3. บี-อิ้ง สีส้ม จะเข้าช่องทางขายกลุ่มร้านอาหารสาขา ฟาสต์ฟู้ด
ขณะในช่องทางร้านค้าปลีกสมัยใหม่ และร้านสะดวกซื้อจะวางจำหน่ายสินค้าทั้ง 3 ตัว ซึ่งบริษัทได้แยกแผนกใหม่คือ เทรด มาร์เก็ตติง เพื่อสร้างทีมขายและรถจัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มกว่า 120 คัน เพื่อทำตลาดและกระจายสินค้ากลุ่มเครื่องดื่มไม่ผสมแอลกอฮอล์โดยเฉพาะเพื่อแยกการทำตลาดจากเครื่องดื่มกลุ่มแอลกอฮอล์อย่างชัดเจน นายสันต์ กล่าวต่อว่า จากแผนในการทำตลาดเชื่อว่าจะแยกสินค้าแต่ละตัวมีความชัดเจน และสร้างความแตกต่างไปจากสินค้ายี่ห้ออื่นที่ใกล้เคียงในตลาด เช่น ยี่ห้ออะมิโนโอเค ที่ให้ประโยชน์ไม่เหมือนกันและล่าสุดสินค้าดังกล่าวได้ปรับราคาลดเหลือ 10 บาท จากเดิมราคา 20บาท ส่งผลกระทบต่อยอดขายเครื่องดื่มฯบี-อิ้ง ตกลง 20% เนื่องจากไม่สามารถปรับราคาลงมาได้ เนื่องจากต้นทุนที่สูงกว่าในปัจจุบันวางจำหน่ายอยู่ที่ 20 บาท
สิงห์ปั้น

โพสต์แล้ว:
พุธ พ.ย. 07, 2007 11:37 am
โดย o_MaKKaPaN
สิงห์ปั้น

โพสต์แล้ว:
พุธ พ.ย. 07, 2007 12:19 pm
โดย o_PAO
แล้วจะตามเก็บกันยังไงหล่ะนี่
