ประชานิยม เขียน:เอาเถอะครับ เงินไม่ใช่ของเรา อย่าไปซีเรียส
ขนาดเจ้าของเงินเค้ายัง ชิวๆเลย
ไอ้ขายน่ะเจ้าของเค้าไม่ขายแน่ๆ ชาตินี้ยันชาติหน้า
ไม่รู้ว่าจะใช้เงินหมดรึเปล่า ที่ผมถามเพราะกลัวว่ารุ่นหลานๆ
เค้าจะไม่เห็นค่า ผมจะได้นำความรู้ตรงนี้ไปบอกกับลูกหลานเค้า
เป็นสิ่งที่ดีครับ แต่เราก้ได้เพียงแค่บอกกล่าว เขาเชื่อหรือไม่ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง ถือว่าเราช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ไม่ให้คนบางจำพวกมาเอาเปรียบเขา
แต่มีพุทธพจน์อยู่ 1ประโยคที่พระพุทธเจ้าทรงตรัสไว้ "
สัตว์ทั้งหลายมีกรรมเป็นของตน มีตนเป้นทายาทของกรรม มีกรรมเป็นเครื่องกำเนิด มีกรรมเป็นเผ่าพันธ์ มีกรรมเป็นที่พึ่งอาศํย " กรรมเป็นสิ่งตัวมาของแต่ละบุคคล ไม่มีใครจะแก้กรรมหรือหยุดกรรมของใครได้ แม้องค์พระพุทธเจ้าเอง ลูกหลานเขาก็ถือได้ว่ามีกรรมดีในส่วนหนึ่งที่ได้เกิดมาบนกองมรดกที่บรรพบุรุษสร้างสมไว้ให้ แต่ในอนาคตก็อยู่ที่กรรมในอตีดเขาอีกนั่นแหละว่า ประกอบกรรมดีมามากแค่ไหน ถ้ามากพ่อก็คงมีสิ่งดลใจให้สนใจและเห้นคุณค่า ที่บรรพบุรุษเขาเก้บรักษามา เราในฐานะ
นักสะสมควรตั้งมั่นในอุเบกขา(มีใจเป็นกลาง ไม่ยินดีหรือยินร้าย ในสิ่งที่จะเกิดตามมา) ใจจะไม่เศร้าหมองเวลาเห็นสิ่งที่ไปทุกข์ เพราะความเศร้าหมองหรือทุกข์ในกรรมของของคนอื่น เท่ากับดึงดวงจิตเราให้ต่ำลงมา
อีกข้อหนึ่งที่นักสะสม ส่วนใหญ่มีคือ
โมหะจริต(ความหลงไหล ความยึดติด) ความโลภ(ความอยากมีอยากได้ อยากเอาชนะ อยากเป็นหนึ่ง ) ตรงนี้
ถ้ามองลึกๆจะทำให้ใจเป้นทุกข์ เพราะสรรพสิ่งเหล่านี้ล้วนหนีไม่พ้นวัฎสงสาร วันหนึ่ง เราไม่จากมัน มันก็จากเราไปตามกฎแห่งอนัตตา ในระหว่างที่ครองครองมันอยู่ควรใช้มันให้เกิดประโยชน์แก่คนอื่นดีกว่า เพื่อสั่งสมทาน ซึ่งเป็น บุญแบบหนึ่ง นอกจากการักษาศีลและเจริญภาวนา กระแสบุญจะได้นำพาใจเราอย่างน้อยก็เป้นสุขใจในภพนี้