TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

เหรียญ ธนบัตร หนังสือใหม่ และบัตรต่างๆ

TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 1:31 pm

ที่นี่!!! ที่เดียว!!!

เปิด TIP อย่างหมดเปลือก

โชว์กัน จะ จะ ...

เห็นกัน เต็ม เต็ม ...

แท้ เทียม ต่างกัน ตรงไหน ? อย่างไร?


ปล. รูปภาพและคำอธิบายภายในกระทู้นี้ เป็นลิขสิทธิ์ของผู้เขียนและเวปไซต์โค้กไทยดอทคอม ห้ามนำภาพและคัดลอกข้อมูลโดยมิได้รับอนุญาต
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 1:37 pm

ผมจะค่อยๆ ทยอยเขียนลงให้ได้อ่านกัน ซึ่งทั้งหมดได้จากประสบการณ์ผมโดยตรง

ทั้งนี้แลทั้งนั้น ผมจะพยายามบอกเล่าถึงวิธีการดูจุดเป็นตายระหว่างเหรียญแท้และเทียมให้มากที่สุด

ส่วนท่านใดที่มีประสบการณ์เฉียบคมและหลากหลายในการดูเหรียญหรือดูพระ ถ้าจะกรุณานำประสบการณ์ของท่านมาแบ่งปันให้เพื่อนๆ ได้รู้ ได้เห็น ได้เจริญปัญญา ผมก็ขอขอบพระคุณล่วงหน้านะครับ !&
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 1:40 pm

ขอเริ่มจาก....TIP แรก

1. เหรียญแท้ต้องชัดและคมจนบาดความรู้สึกได้

ผิดครับ...

ไม่เสมอไป... อย่าใช้กฎนี้เป็นหลักในการดูเหรียญ
จงศึกษาความเป็นมาของเหรียญแต่ละเหรียญให้ลึกซึ้งเสียก่อน


ตัวอย่างเช่น เหรียญที่ระลึกในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อสมโภชกรุงเทพครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ ซึ่งด้านหน้าเป็นพระบรมรูปรัชกาลที่ ๕ ครึ่งพระองค์ ผินพระพักตร์ทางเบื้องซ้ายของเหรียญ ฉลองพระองค์พลเรือนเรียกว่า แบบเสื้อยันต์

เหรียญแท้นั้นที่ริมขอบเหรียญซึ่งมีพระปรมภิไธยว่า...?พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาจุฬาลงกรณ์ บดินทรเทพมหามงกุฎ บุรุษรัตนราชรวิวงษ์ วรุตมพงษ์บริพัตร วรขัติราชบิกโรดม จาตุรันตบรมมหาจักรพรรดิ ราชสังกาศ บรมธรรมิกมหาราช บรมนารถบพิตร พระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว?และด้านหลังมีข้อความล้อมรอบริมขอบเหรียญว่า ?เป็นที่รฦกในการที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ และพระเจ้าน้องยาเธอปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม ซึ่งชำรุด ปฏิสังขรณ์มาช้านาน ตั้งแต่วันที่ ๓ฯ๑ ๒ ค่ำ ปีเถาะ เอกศก ๑๒ ถึงวัน ๓ฯ๑ ๖ค่ำ ปีมะเมียจัตวาศก ๑๕ แล้วเสร็จบริบูรณ์? นั้น... จะต้องไม่ชัดครับ ย้ำ!!! จะต้องไม่ชัดครับ

พูดแล้ว งง งง ...ถ้างั้นมาดูกับตากันเลย!!!

ด้านหน้าเหรียญแท้เป็นแบบนี้ครับ

รูปภาพ

และด้านหลังเหรียญแท้เป็นแบบนี้ครับ (ผมทำวงแดงซ้อนกัน ให้ดูความคมชัดของตัวหนังสือภายใน)

รูปภาพ

ส่วนด้านหน้าเหรียญปลอม...เป็นแบบนี้ครับ

รูปภาพ

และด้านหลังเหรียญปลอมเป็นแบบนี้ครับ (ผมทำวงแดงซ้อนกัน ให้ดูความคมชัดของตัวหนังสือภายใน จะเห็นว่ามันจะชัดเกินเหตุ)

รูปภาพ

คราวนี้เทียบกันแบบ A-B ความคมชัดของตัวหนังสือหรือพระปรมภิไธย

รูปภาพ


เหรียญแท้ราคาตลาดไม่ต่ำกว่า 100,000 บาทครับ ส่วนเหรียญปลอมไม่ควรซื้อเกิน 3,000 บาทครับ

จบ TIP ขัอที่ 1
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 1:52 pm

TIP ที่ 2

2. เหรียญแท้สมัยรัชกาลที่ ๕ ขอบเหรียญต้องเนียบเรียบเพราะสั่งทำจากต่างประเทศ ส่วนเหรียญปลอมขอบเหรียญต้องปริแยกแตกเป็นร่อง ดูแล้วไม่งาม เพราะปั๊มเหรียญกันเองในนี้

ผิดครับ...


ถ้าเป็นเหรียญเนื้อทองแดง (Copper) ที่ผลิตออกตั้งแต่ในสมัยรัชกาลที่ ๕ นั้น เนื้อทองแดงที่ใช้ทำเหรียญเมื่อมาถึงวันนี้จะมีอายุอานามรวมแล้วมากกว่า ๑๐๐ ปี ทำให้เนื้อโลหะทองแดงในสมัยนั้น ซึ่งไม่ค่อยบริสุทธิ์เมื่อเทียบกับคุณภาพทองแดงที่ใช้ทำเหรียญสมัยนี้ เริ่มออกอาการปริแยกแตกลายตามรอบขอบเหรียญ ซึ่งสามารถมองเห็นด้วยตาเปล่าได้อย่างง่ายครับ

ปัจจุบัน กลุ่มที่ทำเหรียญปลอมยังไม่สามารถทำเลียนแบบ ณ จุดนี้ได้ แต่ขึ้นชื่อว่าเซียน ถ้ามันจะทำ ก็คงสำเร็จซักวันล่ะครับ

อีกจุดหนึ่งที่ควรดู ก็คือบนผิวเหรียญทองแดงมักขึ้นลายเหรียญ ลักษณะเป็นละอองยาวๆ เข้มบ้าง อ่อนบ้าง ดูคล้ายลายบนเนื้อหินอ่อนครับ เขาเรียกลายผิวเหรียญ แม้อยู่บนผิวแต่มันต้องอยู่ในเนื้อ ไม่ใช่เอาสีดำมาทาเป็นปื้นๆ ขอย้ำ...เมื่อดูแล้วจะคล้ายหินอ่อนนะครับท่านผู้ชม

ตัวอย่างเหรียญที่นำมาให้ชมและศึกษาใน TIP: 2 ก็คือเหรียญที่ระลึกสำหรับพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอษฮีบิชัน ณ ท้องสนามหลวง๑๐๐ปีกรุงเทพ

ขอเริ่มจากเหรียญจริงโดยเริ่มจากด้านหน้าก่อนครับ

รูปภาพ

(TIP: เห็นลายบนผิวเหรียญคล้ายลายบนหินอ่อนมั้ยครับ!!!)

ตามด้วยด้านหลังเหรียญจริง...ดูที่ขอบดีๆ นะครับ

รูปภาพ

คราวนี้มาดูเหรียญปลอมกันบ้าง ถ่ายมาทั้งหน้าและหลัง


รูปภาพ

รูปภาพ

จับมาส่องกล้องแบบ A-B ประกบคู่ ให้รู้แล้วรู้รอด

รูปภาพ


(ล่าง) รูปนี้เป็นรูปขอบเหรียญทองแดงที่เห็นเป็นร่องรอยของการปริแยกแตกตามขอบอย่างชัดเจน เพื่ออธิบายเพื่อเติมสำหรับ TIP ข้อที่ 2 นี้

โดยเป็นภาพขอบเหรียญทองแดงซึ่งเป็นเหรียญที่ระลึกในการบูรณปฏิสังขรณ์วัดพระศรีรัตนศาสดาราม เพื่อสมโภชกรุงเทพครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ (ภาพนี้เป็นภาพเหรียญของ"พิพิธภัณฑ์เหรียญที่ระลึกไทย www.thaimedals.com" โดยขอขอบคุณ คุณพฤฒิพงศ์ แห่งเวปพิพิธภัณฑ์เหรียญที่ระลึกไทยไว้ ณ ที่นี้ด้วยครับ)

รูปภาพ

หมายเหตุ: เหรียญที่ระลึกสำหรับพระราชทานผู้ช่วยในการแนชันนาลเอษฮีบิชัน ณ ท้องสนามหลวง เพื่อสมโภชกรุงเทพครบ ๑๐๐ ปี พ.ศ. ๒๔๒๕ เนื้อทองแดงของแท้ ในวงการเล่นกัน ณ วันนี้ ราคาประมาณ 45,000 บาท สูงต่ำตามสภาพเหรียญ ส่วนเหรียญของเล่นถ้าอยากซื้อมาเชยชมแบบชิวๆ ก็ไม่ควรจ่ายเกิน 1,000 บาทครับ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:03 pm

น้ำมะเน็ด เขียน:ขอบคุณค่ะอาจารย์ สมัยก่อนเหรียญปลอมทำได้ไม่เนียน เหรียญจะบวมๆอูมๆ ลายละเอียดไม่ชัดเจน

แต่สมัยนี้คนทำปลอมฝีมือ สุดยอด เหรียญรุ่นเก่าๆถ้าไม่มีของจริงหรือตำราให้เทียบ หรือผ่าตาเซียน

ตกม้าตายกันเป็นแถว

อีกอย่างถ้าเหรียญมีเฟืองให้ดูขอบเฟืองว่าล้มหรือไม่ ของแท้เฟืองต้องเสมอไม่ล้ม

แต่ไม่รู้ว่าสมัยนี้เขาทำตรงเฟืองปลอมได้เนียนแค่ไหน



ขอขอบคุณ คุณดวงสำหรับ TIP เพิ่มเติมแบบนี้ครับ เยี่ยมจริงๆ !) !&


อ่านของคุณดวงทำให้นึกขึ้นได้ว่า...

วิธีเช็คเหรียญปลอมที่ง่ายที่สุดคือให้เอาเหรียญมาหมุนในแนวราบทั้ง 2 ด้าน

ถ้าหมุนฟรีสบายๆ ไม่ติดขัดด้านหนึ่ง แต่พออีกด้านติดแง็ก

แสดงว่าปลอมครับ เพราะเหรียญโก่งหรืองุ้มด้านใดด้านหนึ่ง จุดหมุนอีกด้านเลยเสียไป

ต้องหมุนได้ดีทั้ง 2 ด้านครับ

แต่เหรียญที่หมุนได้ดีทั้ง 2 ด้าน ก็ใช่ว่าจะไม่ปลอมนะครับ ต้องดูอย่างอื่นประกอบด้วย !@ ^!
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:07 pm

TIP ที่ 3 มาแล้วครับท่าน...

3. ลายเส้นรอบขอบเหรียญควรจะคมและเป็นเส้นเดียวโดดเด่น และผิวขอบเหรียญที่ยกนูนนั้นควรจะเรียบสม่ำเสมอตลอดรอบเหรียญ

ผิดครับ...

ลายเส้นที่วิ่งรอบขอบเหรียญปกติควรจะคมและมีความลึกเท่ากันตลอดรอบเหรียญ ไม่ใช่ลึกบ้าง ตื้นบ้าง ตามอารมณ์ผู้ที่สร้างเหรียญ!!!


และประการสำคัญของ TIP นี้ก็คือ ลายเส้นรอบขอบเหรียญของแท้มักมีมากกว่า 1 เส้น ส่วนเหรียญปลอมมักทำได้แค่เส้นเดียว เพราะถ้าทำเส้นมากกว่านั้น เมื่อบล๊อคเขยื้อน เส้นจะทับกัน เสียหายเลย

กรุณาดูตัวอย่างเรื่องลายเส้นรอบขอบของเหรียญพระแก้วมรกต 2475 เนื้อเงิน บล๊อคนอกหรือที่เรียกว่าบล๊อคเจนีวา ระหว่างเหรียญจริงกับเหรียญปลอมครับ

รูปภาพ

และสิ่งสำคัญของ TIP นี้ก็คือ.... ผิวขอบที่ยกนูนของเหรียญนั้น ไม่จำเป็นต้องเรียบสม่ำเสมอไปซะทุกชนิดเหรียญที่เราสะสม... ย้ำ!!! ผิวขอบที่ยกนูนของเหรียญนั้น ไม่จำเป็นต้องเรียบสม่ำเสมอไปซะทุกชนิดเหรียญที่เราสะสม

แล้วมันยังไง เอ๊ ชัก งง งง???

อย่างงี้ครับ คือขอบที่ยกโดยรอบของเหรียญนั้นบางชนิดของเหรียญมีทั้งขอบเรียบสม่ำเสมอและไม่เรียบนะครับ ไอ้ที่ไม่เรียบเนี่ย!!! มองตาเปล่าไม่เห็นนะครับท่าน ต้องใช้กล้องขยายส่องเหรียญเพ่งพินิจพิจารณาดูเท่านั้น โดยจะสังเกตุเห็นเป็นลายคล้ายฟันเฟือง ลักษณะตื้นๆ บางๆ ละเอียด ซึ่งถ้าเอามือลูบจะไม่มีทางรู้สึกได้เลย

กรุณาดูลายคล้ายฟันเฟือง ที่ขอบเหรียญซึ่งถูกขยายเท่ากับกล้องส่องพระชั้นดีนะครับ!!!

เหรียญดุษฎีมาลา หรือ เหรียญทรงยินดี พ.ศ. ๒๔๒๕

รูปภาพ

รูปภาพ

เหรียญที่ระลึกหอพระสมุดวชิรญาณ พ.ศ. ๒๔๒๕

รูปภาพ

รูปภาพ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:10 pm

ขอต่อ TIP ที่ 4 เลยนะครับ เพราะผมเห็นว่าสำคัญและหลายๆ คนพูดผิด เพราะรู้มาผิด คราวนี้จะได้พูดถูกต้องกันซักที

4. มีนักสะสมเหรียญหลายท่านพูดว่า..."เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกก็คือส่วนหนึ่งของเหรียญกษาปณ์หมุนเวียนนั่นเอง" และ "เหรียญที่ระลึก ก็คือส่วนหนึ่งของเหรียญกษาปณ์เพียงแต่ชำระหนี้ไม่ได้"

ผิดครับท่าน....

TIP ที่ 4 นี้จะเป็นเรื่องการจำแนกประเภทของเหรียญและความเข้าใจเรื่องBronze (เหรียญ เนื้อสำริด ) โดยข้อมูลทั้งหมดนี้ มาจากเวปสหายที่รัก "พิพิธภัณฑ์เหรียญที่ระลึกไทย" นั่นเองครับ กระผมขอกราบขอบพระคุณมา ณ ที่นี้ด้วย

การจำแนกประเภทของเหรียญ

1. เหรียญกษาปณ์หมุนเวียน
ผลิตออกใช้สำหรับประชาชนได้มีไว้จับจ่ายใช้สอยเป็นเงินปลีกย่อยผลิตออกมาใช้ตามระบบเศรษฐกิจ สำหรับใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน ปัจจุบันมี 8 ชนิดราคาคือ 1 สตางค์ 5 สตางค์ 10 สตางค์ 25 สตางค์ 50 สตางค์ 1 บาท 5 บาท 10 บาท เปลี่ยนศักราชบนหน้าเหรียญตามปีที่ผลิต

2. เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก
ได้แก่ เหรียญกษาปณ์ที่ผลิตขึ้นเป็นครั้งคราวในโอกาสพิเศษที่สำคัญที่เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์ พระบรมวงศานุวงศ์ บุคคลสำคัญ และเหตุการณ์สำคัญในบ้านเมือง และองค์การระหว่างประเทศเพื่อเป็นเกียรติยศชื่อเสียง และศิลปวัฒนธรรมอันดีงามของชาติ ผลิตเป็นครั้งคราวและมีจำนวนจำกัด มักจะผลิตด้วยโลหะที่มีค่าสูง เช่น ทองคำ เงิน กษาปณ์ที่ระลึกใช้ชำระหนี้ได้ตามกฎหมาย เช่นเดียวกับกษาปณ์หมุนเวียน แต่ประชาชนมักจะนิยมเก็บไว้เป็นที่ระลึกอย่างของมีค่า หรือเพื่อการสะสม

3. เหรียญที่ระลึก
ตามความหมายสากลหมายถึงเหรียญที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกหรือเป็นอนุสรณ์ถึงเหตุการณ์ที่สำคัญของบ้านเมืองในระยะเวลานั้นๆ โดยมีสัญญลักษณ์หรือการจำลองภาพของเหตุการณ์สำคัญนั้นๆ ลงไว้พร้อมกับคำจารึกและเวลาที่เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นสำหรับเหรียญที่ระลึกของไทยนั้นสร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ระลึกในเหตุการณ์ที่เกี่ยวเนื่องกับองค์พระมหากษัตริย์ พระราชวงศ์และประวัติศาสตร์ของประเทศ

เหรียญที่ระลึกเท่าที่ปรากฎ พอจะแบ่งออกได้เป็นประเภทต่างๆ ตามความมุ่งหมายของผู้สร้างดังนี้: เกี่ยวกับ:

- พระมหากษตริย์

ก. งานบรมราชาภิเศก

ข. งานเฉลิมพระชนม์พรรษา

ค. พระราชพิธีต่างๆ เช่น พระราชพิธีลงสรงสนาน เฉลิมพระสุพรรณบัฐ งานเฉลิมพระที่นั่งสำคัญ

ง. งานพระบรมศพ

- เกี่ยวกับพระบรมวงศานุวงศ์ บุคคลสำคัญ

ก. คงอนุโลมตามข้อแรก เช่น วันประสูติ พิธีสถาปนาพระอิสริยยศ วันสิ้นพระชนม์ ฯลฯ

- ที่ระลึกถึงเหตุการณ์สำคัญ

ก. การสมโภชพระนครครบรอบ 100 ปี 150 ปี 200 ปี

ข. การเปิดหอพระสมุด อนุสาวรีย์ ฯลฯ

ค. การแสดงนิทรรศการ การเกษตร อุตสาหกรรม ฯลฯ

ง. รางวัล

4. เหรียญราชอิสริยาภรณ์
ที่นับเป็นเครื่องราชอิสริยาภรณ์ (เรียกอย่างลำลอง ว่า เหรียญแพรแถบ)
หมายถึง เหรียญต่างๆ ที่พระมหากษัตริย์ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นสำหรับพระราชทานแก่บุคคลต่างๆ ได้แก่ ข้าราชบริพาร ข้าราชการ ทหารที่ออกศึกสงคราม และสำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึกในโอกาสสำคัญต่างๆ และที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้บุคคลประดับได้อย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ ตามที่ทางราชการกำหนด

เหรียญราชอิสริยาภรณ์นี้แบ่งได้เป็น ๔ ประเภท ดังนี้
- เหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการสงคราม หรือพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในความกล้าหาญ
- เหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในราชการแผ่นดิน
- เหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นบำเหน็จความชอบในพระองค์พระมหากษัตริย์
- เหรียญราชอิสริยาภรณ์สำหรับพระราชทานเป็นที่ระลึก
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:13 pm

ต่อ TIP ที่ 4 ครับ

นักสะสมเหรียญหลายคนพูดว่า...เนื้อทองแดงก็คือเนื้อบรอนซ์ และที่เรียกเนื้อบรอนซ์ก็คือเนื้อทองแดงนั่นเอง!!!

ผิดถนัดเลยครับท่าน....

เนื่องจากนักสะสมจำนวนมาก ยังมีความสับสนระหว่างเนื้อทองแดง และ Bronze (บรอนซ์) ซึ่งแปลเป็นไทยว่าเนื้อสำริด จึงขอนำบทความทางวิชาการ โดยสังเขป เกี่ยวกับ สำริด และโลหะผสมทองแดงประเภทต่างๆ รวมถึงวิธีดูแลรักษาวัสดุที่ทำจากโลหะผสมเหล่านี้ มาแสดงไว้ ณ ที่นี้

องค์ประกอบของสำริด

ตามความหมายที่แท้จริง สำริด คือ โลหะผสมที่มีทองแดงเป็นหลัก องค์ประกอบอื่นๆ คือดีบุกและตะกั่ว อาจมีเหล็ก อาร์ซีนิค สังกะสี เจือปนอยู่ด้วยเล็กน้อย แต่ในปัจจุบันความหมายของสำริดเปลี่ยนไป สำริดปัจจุบันหมายถึงโลหะผสมที่มีทองแดงเป็นหลัก องค์ประกอบอื่นๆ ได้แก่ สังกะสี เหล็ก ตะกั่ว ฟอสฟอรัส ซิลิคอน อาร์ซีนิค (สารหนู) บิสมัท อะลูมิเนียม ซึ่งนำไปใช้งานหลากหลายรูปแบบ ชนิดและปริมาณของโลหะอื่นๆ ที่ผสมในโลหะผสมของทองแดงส่งผลกระทบต่อคุณสมบัติทางกายภาพและทางเคมีของโลหะผสมนั้นๆ อย่างมากมาย

ทองแดงบริสุทธิ์มีสีชมพูคล้ายเนื้อปลาแซลมอน ลักษณะเป็นมันวาว สามารถดึงยึดหรือตีแผ่เป็นแผ่นบางได้ดีไม่ทนทานต่อการกัดกร่อน ส่วนดีบุกเป็นโลหะที่มีสีขาว คล้ายเงิน ไม่ค่อยแข็ง แต่มีการต้านทานต่อการกัดกร่อนสูงและมีคุณสมบัติด้านหล่อลื่น สามารถดึงยึดหรือรีดเป็นแผ่นบางได้ดี

เมื่อนำทองแดงและดีบุกมาหลอมรวมกันในอัตราส่วนผสมต่างๆ จะได้โลหะผสมที่เรียกว่าสำริด ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีคุณสมบัติเหนือกว่าทองแดงและโลหะอื่นๆมาก สามารถใช้งานได้หลากหลายขึ้น และทนทานต่อการกัดกร่อนดีขึ้น

เมื่อมีการค้นพบการทำสำริด ชุมชนโบราณก็มีการใช้สำริดแทนที่ทองแดงอย่างมากมาย ทั้งนี้น่าจะเป็นเพราะการขึ้นรูปทองแดงต้องใช้วิธีตีเป็นเวลานาน ส่วนสำริดเป็นโลหะที่แข็งและตีขึ้นรูปยากกว่าทองแดง เมื่อมีการค้นพบสำริดแล้ว จึงนิยมผลิตสำริดมากกว่าผลิตเครื่องมือเครื่องใช้จากทองแดง เนื่องจากการหล่อสำริดไม่ต้องผ่านการตีขึ้นรูปเป็นเวลานาน สามารถเทลงในแม่พิมพ์ออกมาเป็นรูปร่างที่ต้องการ และมีความแข็งพอเพียงที่จะใช้งานได้ทันที เป็นการประหยัดเวลาและพลังงาน นอกจากนี้การหล่อสำริดยังทำได้ง่ายและได้โลหะที่มีคุณสมบัติดีกว่าทองแดง เพราะทองแดงบริสุทธิ์มีแนวโน้มที่เกิดฟองอากาศ ระหว่างการหล่อ ทำให้ได้โลหะที่มีเนื้อพรุนคล้ายฟองน้ำ ในขณะที่สำริด ไม่เกิดฟองอากาศระหว่างการหล่อ นอกจากนี้ สำริดยังมีคุณสมบัติเหนือกว่าโลหะอื่นๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งคุณสมบัติที่เอื้อต่อกระบวนการผลิต เมื่อสำริดเริ่มแข็งตัวเป็นของแข็งจะขยายตัว ทำให้โลหะแทรกซึมเข้าไปตามช่องว่าง และซอกหลืบของแม่พิมพ์ได้อย่างทั่วถึง เมื่อสำริดเย็นตัวลงจะหดตัวเล็กน้อย ทำให้สามารถแยกออกจากแม่พิมพ์ได้ง่าย และเมื่อผสมตะกั่วลงไปเล็กน้อย สำริดนั้นๆ จะหล่อได้ง่ายขึ้น เพราะตะกั่วช่วยลดจุดหลอมเหลว เพิ่มความสามารถในการไหล สามารถหล่อเป็นแผ่นบางๆได้ แต่ตะกั่วไม่สามารถละลายได้ในทองแดงและดีบุก เมื่อตรวจสอบด้วยกล้องจุลทรรศน์จะเห็นตะกั่วปะปนอยู่ในเนื้อสำริดในลักษณะเป็นเม็ดกลมๆเล็ก กระจัดกระจายๆ

คุณสมบัติของสำริด ขึ้นอยู่กับปริมาณของโลหะอื่นๆ ที่เป็นองค์ประกอบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งปริมาณดีบุกมีบทบาทสำคัญในการกำหนดคุณสมบัติของสำริด ปริมาณดีบุกมีผลต่อสี ความแข็ง จุดหลอมเหลว และความทนทานต่อการกัดกร่อนของสำริด

องค์ประกอบ

สำริดที่มีดีบุก ๕% สีออกแดง เนื้อเปราะ
สำริดที่มีดีบุก ๑๐% สีคล้ายทอง
สำริดที่มีดีบุก ๑๐-๒๐% สีคล้ายเงิน
สำริดที่มีดีบุก ๑๐-๒๐% และตะกั่ว ๕% สีเหลืองทอง เนื้อแข็ง
สำริดที่มีดีบุก ๒๕% ตะกั่ว ๕% สีคล้ายเงิน เป็นมันเงา ทนการกัดกร่อนดี แต่เปราะ
สำริดที่มีดีบุก ๓๐-๓๕% ตะกั่ว ๕% สีขาว เปราะ
สำริดที่มีสังกะสีผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย สีเหลืองอ่อน


สำริดที่มีเนื้อเดียวกัน ควรมีดีบุกผสมอยู่ไม่เกิน ๑๔% สำริดที่มีดีบุกผสมอยุ่ไม่เกิน ๑๗% เรียกว่า สำริดดีบุกต่ำ (Low-tin bronze) เนื่องจากปริมาณดีบุก ๑๗% เป็นปริมาณสูงสุดที่ดีบุกจะละลายได้ในทองแดง แต่ถ้ามีดีบุกผสมอยู่มากกว่า ๑๗% เรียกว่าสำริดดีบุกสูง (High-tin bronze) เนื้อโลหะมักจะไม่เป็นเนื้อเดียวกัน

ปัจจุบันนี้มีการผลิตและเรียกชื่อโลหะผสมของทองแดงแตกต่างกันมากมาย และบางครั้งก่อให้เกิดความสับสน โดยทั่วไป คำว่าสำริด ตรงกับคำภาษอังกฤษว่า บรอนซ์ (Bronze) ซึ่งเดิมหมายถึงโลหะผสมของทองแดงที่มีดีบุกผสมอยู่แต่ปัจจุบันนี้คำว่าบรอนซ์มีความหมายเปลี่ยนไปจากเดิม องค์ประกอบของบรอนซ์เปลี่ยนไปจากเดิม มีการผสมโลหะอื่นๆลงไปเพื่อปรับปรุงคุณภาพ โลหะผสมบางอย่างมีองค์ประกอบที่จัดเป็นทองเหลือง แต่ในทางการค้ามีชื่อเรียกกันว่าบรอนซ์นอกจากนี้ยังมีโลหะผสมทองทองแดงเกิดขึ้นใหม่ๆ อีกมากมายที่มีสีเหมือน ทอง เงิน ทองแดง ทองเหลือง และสำริด ในกรณีที่ไม่ทราบองค์ประกอบที่แท้จริงของโลหะเหล่านั้น เพื่อป้องกันความผิดพลาด ควรเรียกโลหะเหล่านี้ว่า โลหะผสมของทองแดง

นอกจากสำริดแล้ว โลหะผสมของทองแดงที่คุ้นเคยในปัจจุบัน ได้แก่ ทองเหลือง (brass) ซึ่งเป็นโลหะผสมของทองแดงกับสังกะสี ๑๐-๒๐% จะมีสีเหลืองคล้ายทอง แต่นานไปจะหมอง ทองเหลืองเริ่มปรากฎหลังจากสำริดหลายพันปี เนื่องจากการถลุงแร่สังกะสีทำได้ยากมากต้องใช้อุณหภูมิสูงจนถึงจุดเดือด การผลิตทองเหลืองสมัยก่อนประวัติศาสตร์ใช้วิธีเผาแร่ทองแดงและแร่สังกะสีเข้าด้วยกัน หลักถานทางโบราณคดีแสดงว่าชาวโรมันมีการผลิตทองเหลืองเมื่อประมาณ ๒,๐๕๐ ปีมาแล้ว โดยใช้ทำเงินตรา เช่นเดียวกับโบราณคดีหลายแห่งในเอเซียตะวันตกเฉียงใต้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งอินเดียนิยมใช้ทองเหลืองในการทำหลังคา เครื่องเรือน ภาชนะหุงต้ม ภาชนะใส่อาหาร มาเป็นเวลายาวนานต่อเนื่องถึง ๒,๐๐๐ ปีจนถึงปัจจุบัน ในระยะหลังๆ มีการใช้สังกะสีมากขึ้น เนื่องจากหล่อง่าย ใช้อุณหภูมิไม่สูงมากนัก เช่นถ้าผสมสังกะสี ๒๐% จะได้โลหะผสมที่หลอมเหลวที่ ๑,๐๐๐ องศาเซลเซียส แต่ถ้าผสมสังกะสี ๖๐% จะหลอมเหลวที่ ๘๓๓ องศาเซลเซียส

ทองเหลืองส่วนใหญ่ประกอบด้วยทองแดงและสังกะสีไม่เกิน ๔๐% เนื่องจากสังกะสีละลายได้ดีในทองแดงให้สารละลายของแข็ง (Solid solution) โดยสังกะสีสามารถละลายได้สูงถึง ๓๙% ได้โลหะผสมที่มีความแข็งแรง ความเหนียว ความแข็งสูง แต่ถ้าผสมสังกะสีมากกว่านี้ จะได้สารประกอบเชิงโลหะระหว่างทองแดงกับสังกะสีอีกหลายชนิด ซึ่งมีผลทำให้ความแข็งแรง ความแข็ง ความเหนียว และคุณสมบัติทนการกัดกร่อน ตลอดจนสีของสีของทองเหลืองเปลี่ยนแปลงไปตามปริมาณของสังกะสีที่ผสม เช่น ถ้าผสมสังกะสี ๔๐-๔๕% จะได้ความแข็งแรงสูงสุดเมื่อผสมสังกะสี ๒๕-๓๕% ถ้าเลยขอบเขตนี้ไปแล้วความเหนียวจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ทองเหลืองที่ผสมสังกะสีไม่เกิน ๕% มีชื่อทางการค้าว่า gilding metal ใช้ทำเหรียญ เงินตราต่างๆ โล่ห์ ถ้วยรางวัล เครื่องประดับราคาถูก ทองปลอม และใช้เป็นโลหะสำหรับชุบทอง

ทองเหลืองที่ผสมสังกะสี ๑๐% เรียกว่า commercial bronze หรือบรอนซ์ทางการค้า แต่ความจริงเป็นทองเหลืองคุณสมบัติและการใช้งานคล้ายคลึงกับ gilding metal ส่วนทองเหลืองที่ผสมกับสังกะสี ๑๒.๕% เรียกว่า jewelry bronze ใช้ทำเครื่องประดับ

ทองเหลืองที่ผสมสังกะสี ๓๐% เรียกว่า cartridge brass ใช้ทำปลอกกระสุนปืน ทำท่อที่ต้องอาศัยการอัดขึ้นรูป (extrusion) หม้อน้ำระบายความร้อน ท่อควบแน่น โคมไฟ หมุด สปริง ทองเหลืองที่ผสมสังกะสี ๓๕% เรียกว่า yellow metal มีสีค่อนข้างเหลืองจัด คุณสมบัติและการใช้งานใกล้เคียงกับ cartridge brass ถ้าผสมสังกะสี ๔๐% เรียกว่า munts metal เป็นทองเหลืองที่มีความแข็งแรง และใช้งานในสภาพที่มีความร้อนสูงได้ดี ใช้ตีเป็นแผ่นแล้วนำมาหุ้มเรือเหล็ก ทำอุปกรณ์ควบแน่น วาล์ว สลัก กลอน ถ้าเปลี่ยนส่วนผสมเล็กน้อยโดยผสมสังกะสี ๓๙% และดีบุก ๑% จะได้ทองเหลืองที่เรียกว่า naval brass ใช้ทำอุปกรณ์ในเรือเดินทะเล วาล์ว เข็มแทงชนวนในปืนพก

ทองเหลืองที่มีทองแดง ๗๐% สังกะสี ๒๙% แลดีบุก ๑% เรียกว่า admirality brass ดีบุกที่ผสมลงไปเล็กน้อยทำให้ได้ทองเหลืองที่ทนทานต่อการกัดกร่อนดี มีความแข็งแรงสูงขึ้น ใช้ทำท่อควบแน่น ท่อแรกเปลี่ยนความร้อน

นอกจากนี้ยังมีทองเหลืองที่มีชื่อแตกต่างออกไปอีกหลายชนิดตามลักษณะการค้า และส่วนผสม เช่น ทองเหลือง ตะกั่ว (lead brass) ทองเหลืองดีบุก (tin brass) ทองเหลืองอลูมิเนียม (aluminium brass) ทองเหลืองซิลิคอน (silicon brass)

โลหะผสมของทองแดงที่มีคุณสมบัติพิเศษและนิยมใช้งานมากในปัจจุบัน คือ ทองแดงนิกเกิล (cupronnickel) เป็นโลหะผสมที่มีทองแดงเป็นองค์ประกอบหลัก และมีนิกเกิลผสมอยู่ด้วย ๑๐-๑๕% และอาจมีเหล็ก แมงกานีส อลูมิเนียมผสมอยู่ด้วยเล็กน้อย นิกเกิลทำให้ทองแดงเปลี่ยนสีจากสีแดงเป็นสีเงิน โลหะผสมชนิดนี้มีความเหนียวสูง สามารถขึ้นรูปได้ทั้งร้อนและเย็น ทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งการกัดกร่อนที่เกิดจากน้ำทะเล ใช้ในการทำท่อกลั่นอุปกรณ์ถ่ายเทความร้อนที่ใช้ในเรือเดินทะเล

โลหะผสมของทองแดงอีกชนิดหนึ่งที่พบบ่อยและใช้มากในบ้านเรือนปัจจุบัน คือ โลหะผสมของทองแดง นิกเกิล และสังกะสี ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีสีเงิน มีชื่อเรียกว่า เงินนิกเกิล (nickel silver) หรือเงินเยอรมัน (German silver) มีทองแดง ๖๐% นิกเกิล ๑๐-๓๐% และสังกะสี ๑๐-๒๐% มีความแข็งแรงดี ทนต่อการกัดกร่อนสูง และต้านทานต่อการเกิดออกซิเดชัน นิยมใช้แทนเงิน ในการทำช้อน ส้อม มีด

บรอนซ์อลูมิเนียม (aluminium bronze) เป็นโลหะผสมที่ทองแดงเป็นหลัก และมีอลูมิเนียมผสมอยู่ประมาณ ๕-๑๕% โดยอาจมีโลหะอื่นๆ เช่น เหล็ก นิกเกิล แมงกานีส ปะปนอยู่เล็กน้อย บรอนซ์อลูมิเนียมมีคุณสมบัติเชิงกลสูงแข็งแรง เหนียว ต้านทานการกัดกร่อนได้ดีทั้งที่อุณหภูมิห้องและที่อุณหภูมิสูง ไม่เกิน ๔๐๐ องศาเซลเซียส สามารถทำการชุบแข็งและอบคืนตัวได้ในลักษณะเดียวกันกับ เหล็กกล้าคาร์บอน ใช้ทำโลหะแบริ่ง (bearing metal) ซึ่งใช้ทำเป็นส่วนประกอบรองรับหัวท้ายของเพลาหมุน และใช้ในเครื่องยนต์กลไกต่างๆ การผลิตบรอนซ์อลูมิเนียมต้องใช้เทคโนโลยีสูงมาก เนื่องจากโลหะผสมดังกล่าวมีช่วงแข็งตัวแคบมาก มีการหดตัวสูง และดูดก๊าซได้มากระหว่างการหล่อหลอม

บรอนซ์ซิลิกอน (silicon bronze) เป็นโลหะผสมที่มีทองแดงเป็นหลัก และมีซิลิกอนผสมอยู่ เป็นโลหะผสมที่แข็งแรงมาก ใกล้เคียงกับบรอนซ์อลูมิเนียมและเหล็กกล้าที่ใช้ในงานก่อสร้าง มีความทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งทนน้ำทะเลได้ดี และสามารถทำการเชื่อมได้ดี จึงใช้ในการทำภาชนะที่มีความดัน เช่น ถังบรรจุขนาดใหญ่ ทำรูปหล่อรูปเคารพต่างๆ

บรอนซ์ฟอสฟอรัส (phosphor bronze) เป็นโลหะผสมที่มีทองแดงและดีบุกเป็นหลัก และเติมฟอสฟอรัสเล็กน้อยประมาณ ๐.๑-๑.๐% เพื่อกำจัดออกซิเจนระหว่างการหลอมเหลว เป็นโลหะผสมที่แข็งมาก มีความเค้นแรงดึงสูง ทนทานต่อก่อการกัดกร่อนได้ดี มีสัมประสิทธ์ความฝืดต่ำ จึงใช้เป็นโลหะแบริ่ง และใช้กับงานที่ต้องรับน้ำหนักสูงๆ

บรอนซ์เบริลเลียม (beryllium bronze) เป็นโลหะที่มีทองแดงเป็นองค์ประกอบหลัก และมีแบริลเลียมอยู่ด้วยไม่เกิน ๒.๗% มีความแข็งสูงใกล้เคียงกับเหล็กกล้าผสม มีความเค้นแรงดึงสูง ทนต่อการยืดตัวดี นำไฟฟ้าได้ดี และทนทานต่อการกัดกร่อนได้ดี ใช้ทำสปริง ไดอะแฟรม ที่ใช้ในบรรยากาศที่มีการกัดกร่อน และทำเครื่องมือประเภทที่ไม่ทำให้เกิดประกายไฟ เป็นโลหะผสมที่มีราคาแพง

โลหะผสมของทองแดงอีกชนิดหนึ่งที่เกิดจากการผสมทองแดงกับอาร์ซินิก (หรือสารหนู) ประมาณ ๓% ชื่อเรียกว่าทองแดงอาร์เซเนียล (arsenical copper) ถ้ามีอาร์ซีนิกผสมอยู่ ๒% จะมีสีเหมือนทอง แต่ถ้าผสมอาร์ซีนิก ๔-๖% จะมีสีคล้ายเงิน เป็นโลหะผสมที่ทนทานต่อการสึกกร่อนจากสภาพการใช้งานที่ต้องสัมผัสกับบรรยากาศที่มีการกัดกร่อนรุนแรงใช้ในการ ทำอุปกรณ์เครื่องควบแน่น เครื่องแรกเปลี่ยนความร้อน

ทองแดงผสมเงิน เป็นโลหะผสมที่ใช้ในการผลิตมอเตอร์ไฟฟ้างานหนัก เช่นมอเตอร์ไฟฟ้าสำหรับขับเคลื่อนรถไฟอากาศยาน เงินที่ผสมลงไปช่วยเพิ่มระดับอุณหภูมิของการเกิดผลึกใหม่ให้แก่ทองแดง ช่วยป้องกันมิให้ชิ้นงานทองแดงอ่อนตัวเมื่อทำการบัดกรี

ทองแดงตัดง่าย (free-cutting copper) เป็นโลหะผสมของทองแดงที่มีเทลลูเรียมผสมอยู่ ๐.๖% เป็นโลหะผสมที่สามารถตกแต่งด้วยเครื่องจักรได้ง่าย ใช้ทำสลักเกลียว ตะปู หัวเชื่อม ชิ้นส่วนอุปกรณ์ไฟฟ้าที่ต้องการความแม่นยำสูง

โลหะผสมที่ทำเลียนแบบทองหรือทองปลอม ในปัจจุบัน เป็นโลหะผสมที่มีทองแดง ๘๓% ดีบุก ๑๑.๕% กับแมกนีเซียม ๕% หรืทองแดง ๘๓% สังกะสี ๑๑.๕% กับแมกนีเซียม ๕% ซึ่งเป็นโลหะผสมที่มีเกรนเล็กละเอียด สามารถดึงรีดได้ดี เมื่อขัดผิวจะขึ้นเงา

จะเห็นได้ว่าความรู้จากการนำทองแดงมาใช้งานและเทคนิดการหล่อสำริดที่ก่อกำเนิดเมื่อ ๕,๐๐๐ ปีมาแล้ว ทำให้เกิดโลหะผสมของทองแดง ชนิดอื่นๆ เกิดขึ้นอีกมากมาย ที่มีบทบาทสำคัญทั้งในชีวิตประจำวัน และระดับอุสาหกรรมหนัก

สนิมคือสารประกอบที่เกิดจากโลหะทำปฏิกิริยากับสารอื่น เช่น ออกซิเจน น้ำ กรด ด่าง เกลือ แล้วเกิดเป็นสารประกอบใหม่ การที่โลหะเป็นสนิมง่าย เนื่องจากขณะทำการถลุงแร่เพื่อให้ได้โลหะบริสุทธิ์ ต้องมีการเติมพลังงานความร้อนเข้าไปในแร่ ซึ่งเป็นสารประกอบของโลหะ เพื่อแยกเอาโลหะออกมาจากแร่ ทำให้โลหะอยู่ในสภาวะที่ได้รับพลังงานความร้อนสูงกว่าที่เคยเป็น จึงอยู่ในสภาพที่ไม่มีเสถียรภาพ อะตอมของโลหะจึงพยายามกลับเข้าสู่สภาพเดิมที่มีเสถียรภาพมากกว่า โดยการคายพลังงานออกมา ทำให้เกิดปฏิกิริยาทางเคมีหรือไฟฟ้าเคมีกับสารประกอบที่อยู่รอบๆกระบวนการเช่นนี้เรียกว่า กระบวนการเกิดสนิม (corrosion process) สนิมจึงเป็นจุดสังเกตเริ่มแรกที่แสดงให้เห็นว่าโลหะวัตถุเริ่มเกิดการเสื่อมสภาพ

การที่โลหะชนิดใดจะเป็นสนิมได้ง่ายหรือยาก ขึ้นอยู่กับคุณสมบัติทางเคมีของโลหะนั้นๆสภาพแวดล้อมและกรรมวิธีการผลิต โลหะบางชนิดสามารถทำปฏิกิริยากับสารประกอบต่างๆ ได้ง่าย จะเกิดสนิมภายในเวลาอันรวดเร็ว เช่น เหล็ก ทองแดง ในขณะที่โลหะบางชนิดไม่ค่อยทำปฏิกิริยากับสารประกอบต่างๆในสภาพแวดล้อมตามปกติ จึงไม่เกิดสนิมเช่น ทอง ทองคำขาว ฯลฯ กรรมวิธีในการผลิตมักส่งผลต่อคุณสมบัติทางกายภาพของโลหะ เช่น การผลิตโลหะโดยวิธีการทุบหรือตีขึ้นรูปขณะเย็น จะได้ผลิตภัณฑ์ที่เปราะ แตกหักง่าย อัตราเร็วในการชำรุดเสื่อมสภาพของสำริดแต่ละชิ้นจึงไม่เท่ากัน

สนิมที่เกิดขึ้นบนสำริดมีทั้งสนิมดีที่ควรเก็บรักษาไว้และสนิมอันตรายที่ต้องขจัดออก ดังนั้นก่อนที่จะดำเนินการใดๆ ควรพิจารณาหาสาเหตุที่ทำให้สำริดเกิดการเสื่อมสภาพและทำความรู้จักคุ้นเคยกับสนิมสำริด

สนิมสำริด

ศิลปะวัตถุ โบราณวัตถุที่ทำจากสำริด ไม่ว่าจะอยู่เหนือดินหรืออยู่ใต้ดิน จะเกิดสนิมปกคลุมบนผิวเสมอ สนิมสำริดมีหลายชนิด ซึ่งมีลักษณะแตกต่างกัน เพื่อความรวดเร็วจะจำแนกชนิดของสนิมตามสีของสนิม เช่นสนิมสีน้ำตาลแดง สนิมสีฟ้า สนิมสีเขียวเข้ม สนิมสีเขียว เป็นต้น สนิมที่มักพบบนสำริดได้แก่

สนิมสีน้ำตาลแดงหรือสนิมทองแดงออกไซด์ เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า คิวไพรต์ (cuprite) เป็นกลุ่มสนิมที่เกิดขึ้นติดกับเนื้อโลหะ มีความแข็งประมาณ ๓.๕-๔ ตาม Mohs? scale และไม่ละลายน้ำ

สนิมสีเขียวเข้มหรือสนิมทองแดงคาร์บอเนต เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า มาลาไคต์ (malachite) มีชื่อทางเคมีว่าคอปเปอร์คาร์บอเนต ไฮดรอกไซด์ (copper carbonate hydroxide)

สนิมสีน้ำเงิน เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า อะซูไรต์ (azurite) มีชื่อทางเคมีเป็น คอปเปอร์คาร์บอเนต ไฮดรอกไซด์ เช่นกัน แต่ต่างกันที่ประจุบวกของโลหะทองแดงที่เป็นองค์ประกอบของมาลาไคต์มีประจุ +๒ ในขณะที่โลหะทองแดงที่เป็นองค์ประกอบของอะซูไรต์จะมีประจุ +๓ เมื่ออะซูไรต์ได้รับความชื้นมากพอจะเกิดการเปลี่ยนแปลงกลายไปเป็นมาลาไคต์ จึงไม่ค่อยพบสารประกอบอะซูไรต์บนสำริดมากนัก

สนิมสีเขียวอมฟ้าหรือสนิมทองแดงซัลเฟต เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า โบรแคนไทต์ (brochantite) มีชื่อทางเคมีว่า คอปเปอร์ซัลเฟต ไฮดรอกไซด์ (copper sulphate hydroxide) เป็นสนิมที่เกิดขึ้นทั่วไปบนโลหะผสมของทองแดง เมื่ออยู่ในอากาศที่มีก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ปะปนอยู่ หรือในดินที่มีอนุมูลซัลเฟต โบรแคนไทต์เป็นสนิมสีเขียวอมฟ้าที่มีลักษณะแวววาวดังแก้ว และมีเสถียรภาพมากที่สุดในบรรดาสนิมที่เกิดขึ้นบนโลหะผสมของทองแดง มีความแข็ง ๒.๕-๔ ตาม Mohs? scale

สนิมสีเทาหรือเขียวอมเทา เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า แนนโตไคต์ (nantokite) ชื่อทางเคมีคือ คิวปรัสคลอไรด์ (cuprous chloride) เกิดขึ้นบนผิวทองแดงและโลหะผสมของทองแดงได้หลายรูปแบบ ส่วนใหญ่เกิดขึ้นติดกับผิวโลหะใต้ชั้นทองแดงออกไซด์ หากเกิดสนิมที่มีลักษณะเป็นหลุมหรือเป็นรู ชั้นของคิวปรัสคลอไรด์จะอยู่ใต้ผิวของโลหะ บางกรณีคิวปรัสคลอไรด์เกิดขึ้นเหนือชั้นทองแดงออกไซด์ โดยอยู่ระหว่างชั้นของทองแดงออกไซด์และทองแดงคาร์บอเนต เมื่อคิวปรัสคลอไรด์ได้รับความชื้นและออกซิเจน จะเปลี่ยนไปเป็นอะทาคาไมต์ ซึ่งมีลักษณะเป็นผงสีเขียว

สนิมสีเขียวอ่อน เป็นสนิมที่มีชื่อทางแร่ว่า พาราทาคาไมต์ (paratacamite) หรืออะทาคาไมต์ (atacamite) มีชื่อทางเคมีว่า คิวปริกคลอไรด์ ไตรไฮเดรต (cupric chloride trihydrate) เรียกอีกอย่างหนึ่งว่าสนิมกัดกร่อน หรือ bronze disease มักพบในลักษณะที่เป็นผงสีเขียวอ่อนอยู่ในหลุม หรือรูบนผิวหน้าของสนิมทองแดงคาร์บอเนต สนิมชนิดนี้เมื่อเกิดขึ้นแล้วสามารถลุกลามแพร่กระจายกัดกินเนื้อโลหะต่อไปเรื่อยๆ หากไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ถูกต้อง

ในบรรยากาศปกติ หากอยู่ในสภาพแวดล้อมที่มีอากาศบริสุทธิ์ปราศจากก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ ในระยะเวลาอันสั้นจะมีสนิมออกไซด์ปกคลุมผิวเป็นชั้นบางๆ ชั้นสนิมดังกล่าวช่วยปิดกั้นผิวโลหะไม่ให้ทำปฏิกิริยากับอากาศ สนิมทองแดงออกไซด์ที่เกิดขึ้นนี้ มีสีน้ำตาลแดง มีชื่อทางแร่ว่า คิวไพรต์ (cuprite) เมื่อเกิดสนิมทองแดงออกไซด์มากขึ้น ชั้นของสนิมจะหนาขึ้น ทำให้ผิวของโลหะทำปฏิกิริยากับออกซิเจนได้น้อยลง ทำให้ปฏิกิริยาการเกิดสนิมทองแดงออกไซด์ช้าลง หากสภาพแวดล้อมมีความชื้นต่ำ การเกิดสนิมทองแดงออกไซด์จะหยุดลง แต่เมื่อใดที่สภาพแวดล้อมมีความชื้นสูง ความชื้นจะช่วยเร่งให้เกิดปฎิกิริยาการเกิดสนิมออกไซด์ต่อไป แต่อัตราการเกิดสนิมจะช้าลง

หากบรรยากาศมีก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่มากกว่า ๐.๐๔% และในน้ำฝนมีปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์อยู่ ๐.๔ ส่วนในล้านส่วน (ppm) และมีค่าความเป็นกรดปานกลาง คือมีค่าประมาณ ๕.๘ จะทำให้เกิดสนิมสีเขียวเข้มมาลาไคต์ (malachite) และสนิมสีดำทีโนไรต์ (tenorite) บนสำริด สนิมมาลาไคต์เป็นสนิมที่มีเสถียรภาพมาก เมื่อเกิดขึ้นบนผิวสำริดแล้วจะช่วยปกป้องเนื้อสำริดที่อยู่ภายใต้มิให้เกิดสนิมอีกต่อไป ดังนั้นจึงควรรักษาไว้

ในขณะที่สำริดถูกฝังอยู่ใต้ดินซึ่งมีความชื้นสูงหรืออยู่ในสภาพเปียก โลหะสามารถเกิดการเสื่อมสภาพได้จากกระบวนการเคมีไฟฟ้า (electrochemical process) เนื่องจากโครงสร้างของโลหะในสถานะของแข็งมีลักษณะแบบโครงสร้างผลึก (lattice structure) ซึ่งเป็นโครงสร้างที่มีลักษณะคล้ายตารางเกิดจากหน่วยเซลล์ที่มีรูปร่างเป็นลูกบาศก์สามมิติที่เกาะกันอย่างต่อเนื่องไร้ขอบเขตมีอะตอมของโลหะ เช่น โลหะทองแดงอยู่บริเวณมุมของหน่วยเซลล์ และมีอิเล็กตรอนล้อมรอบอะตอมของโลหะนั้นๆ อิเล็กตรอนมีประจุลบ จะวิ่งอยู่รอบๆ อะตอมของทองแดงที่เป็นประจุบวก อิเล็กตรอนเหล่านี้มีอิสระที่จะวิ่งไปมาภายในโคลงสร้างของผลึกทองแดง จึงเกิดการเหนี่ยวนำไฟฟ้า เมื่อสำริดถูกฝังอยู่ใต้ดินที่มีความชื้นสูง มีออกซิเจน คาร์บอนไดออกไซด์ ซัลไฟด์และอนุมูลคลอไลด์ ทำให้โลหะสำริดิอยู่ท่ามกลางสารละลายที่มีฤทธิ์เป็นกรด ด่าง และเกลือ กระบวนการเคมีไฟฟ้าจึงเกิดขึ้น โดยจะเกิดกระแสไฟฟ้าที่ผิวบริเวณใดบริเวณหนึ่งที่เปรียบเสมือนขั้วบวกของวงจรไฟฟ้า (anode) กระแสไฟฟ้าดังกล่าวเคลื่อนสู่ดินแล้วเคลื่อนเข้าสู่ผิวโลหะอีกบริเวณหนึ่งที่เปรียบเสมือนขั้วลบของวงจรไฟฟ้า (cathode) ผิวโลหะบริเวณที่กระแสไฟฟ้าเคลื่อนสู่ดินจะเกิดการกัดกร่อน ส่วนผิวโลหะที่บริเวณที่กระแสไฟฟ้าเคลื่อนจากดินเข้าสู่โลหะจะไม่เกิดการกัดกร่อน สำริดที่เกิดการเสื่อมสภาพจากกระบวนการเคมีไฟฟ้ามักมีผิวขรุขระ เป็นปุ่มปม และหลุมบ่อ

โดยทั่วไป การเกิดสนิมสำริดสามารถเกิดขึ้นได้ ๒ ลักษณะคือ

๑. การเกิดสนิมที่ผิว เป็นการเกิดสนิมที่พบเห็นกันทั่วไป กล่าวคือเกิดขึ้นทั่วทั้งผิวหน้าของวัตถุ เมื่อสำริดอยู่ในสภาพแวดล้อมที่บรรยากาศมีออกซิเจน ความชื้น คาร์บอนไดออกไซด์ หรือซัลไฟด์ จะเกิดสนิมทองแดงออกไซด์บนผิวหน้าโลหะทองแดง และอาจเกิดสนิมสีเขียวเข้มทองแดงคาร์บอเนตบนสนิมทองแดงออกไซด์ สำริดที่ถูกฝังอยู่ใต้ดินจะเกิดสนิมทองแดงออกไซด์และสนิมทองแดงคาร์บอเนตบนผิวหน้าของสำริดเช่นกัน เนื่องจากบริเวณหนึ่งขณะนั้นเป็นขั้วบวกและเกิดเป็นขั้วลบในเวลาต่อมา

ลักษณะการเกิดสนิมแบบนี้ทำให้เกิดสนิมชนิดดีที่เรียกว่า patina ทั่วทั้งผิวหน้าวัตถุ เป็นสนิมชนิดที่มีผิวเรียบและชั้นของสนิมเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่ยังคงรักษารูปร่างและลายละเอียดของวัตถุไว้ ในปัจจุบันนี้คำว่า patina มักจะหมายถึงสนิมสีสวยซึ่งเป็นสนิมสีเขียวเข้มทองแดงคาร์บอเนต เกิดขึ้นปกคลุมผิวหน้าของวัตถุอย่างสม่ำเสมอ และดูสวยงาม และช่วยปกป้องเนื้อโลหะที่อยู่ภายใต้ สนิมชนิดนี้ไม่ควรขจัดออก

๒. สนิมที่มีลักษณะเป็นหลุมหรือเป็นรู เป็นลักษณะของการเกิดสนิมเฉพาะแห่ง บริเวณที่เกิดสนิมจะเป็นจุดขนาดเล็กและเป็นหลุมลึกลงไปในเนื้อวัตถุ อาจเกิดเป็นบริเวณกว้างก็ได้ หากปัจจัยต่างๆ เอื้ออำนวย บริเวณที่เกิดสนิมจะมีบางส่วนปูดขึ้นด้านบน แต่ในขณะเดียวกันสนิมก็จะกระจายลึกลงไปด้านล่างด้วย ลักษณะคล้ายหูด สาเหตุที่เกิดเช่นนี้เพราะสำริดที่ถูกฝังอยู่ในดินทำปฏิกิริยากับอนุมูลคลอไรด์ที่มีปะปนอยู่ในดิน อนุมูลคลอไรด์อาจมาจากปุ๋ยที่ใช้ในการเพาะปลูก หรือมาจากกิจกรรมของมนุษย์ หรือมาจากแหล่งน้ำกร่อยใต้ดินหรือจากน้ำทะเล หรือมาจากแหล่งเกลือสินเธาว์ บางส่วนของเนื้อโลหะทำหน้าที่เป็นตัวให้อิเล็กตรอน ทำให้โลหะจุดนั้นเป็นประจุบวกและเกิดวงจรไฟฟ้าขึ้น จึงทำให้เนื้อโลหะตรงจุดที่มีการให้อิเล็กตรอนเกิดการกัดกร่อนลึกลงไปในเนื้อโลหะ สำริดที่จัดแสดงอยู่ใกล้ทะเล จะมีละอองของน้ำทะเลหรือน้ำฝนที่มีอนุมูลคลอไรด์มาเกาะบนผิวสำริด ทำให้เกิดสนิมกัดกร่อนชนิดนี้ได้

สนิมของทองแดงจะปกคลุมผิวเดิมของวัตถุ และเปลี่ยนคุณสมบัติของโลหะทองแดง ที่มองเห็นได้ชัดเจนคือการเปลี่ยนสี ทำให้ผิวโลหะหมองคล้ำ ขาดความแข็งแรงและขาดความคงทน ทำลายรูปร่างของผิวเนื้อโลหะเดิม ทำให้โลหะเปลี่ยนแปลงไปโดยเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเคมีระหว่างโลหะทองแดงกับอนุมูลต่างๆดังกล่าวมาแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้าโลหะทองแดงทำปฏิกิริยากับอนุมูลคลอไรด์จะเกิดสนิมชนิดที่มีอันตรายที่เรียกกันว่า สนิมอันตรายหรือสนิมกัดกร่อนลักษณะเป็นผงหรือขุยสีเขียวอ่อน เกิดขึ้นเป็นจุดบนผิวโลหะทองแดงหรือโลหะผสมของทองแดง สนิมชนิดนี้เป็นสนิมที่มีอันตรายมากที่สุดต่อโลหะผสมของทองแดง เนื่องจากเมื่อเกิดขึ้นแล้วจะสามารถลุกลามทำลายความมั่นคงแข็งแรงของโลหะให้หมดไป โดยกัดทำลายเนื้อโลหะให้เปลี่ยนไปเป็นสนิม ทำให้ลักษณะทางกายภาพและคุณสมบัติต่างๆ ของวัตถุเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเจน และสุดท้ายวัตถุทั้งชิ้นจะถูกทำลายผุพังอย่างสิ้นเชิง ไม่อาจจะคงรูปร่างอยู่ได้

การป้องกันการเสื่อมสภาพ

อัตราการชำรุดเสื่อมสภาพของสำริดจะลดน้อยลง หากได้รับการดูแลรักษาด้วยวิธีที่ถูกต้อง หากพบว่าสำริดมีฝุ่นหรือดินเกาะ ควรขจัดออกโดยการใช้ไม้ปลายแหลมสะกิดออก และใช้แปรงขนอ่อนๆปัดออก หลีกเลี่ยงการใช้วิธีการที่รุนแรง หลีกเลี่ยงการใช้สารเคมี ทำความสะอาดแต่พอสมควร ไม่ควรทำความสะอาดมากเกินไป จนทำลายสนิมที่ดีของสำริด หากยังไม่รักษาสนิมกัดกร่อนได้ ควรเก็บรักษาวัตถุในที่ที่แห้ง เพื่อป้องกันมิให้สนิมกัดกร่อนลุกลามกระจายมากขึ้น

การหยิบยกเคลื่อนย้ายที่ไม่ถูกวิธีเป็นสาเหตุที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่ทำให้สำริดชำรุดเสื่อมสภาพมากขึ้น การจับต้องเคลื่อนย้ายอย่างไม่ระมัดระวังทำให้เกิดรอยขีดข่วน หักงอ บิดเบี้ยว หรือเกิดการแตกหักได้ ดังนั้นควรเพิ่มความระมัดระวังและเอาใจใส่ สิ่งที่ควรปฏิบัติขณะหยิบยกเคลื่อนย้ายวัตถุสำริดมีดังนี้

๑. ตรวจสภาพวัตถุสำริดก่อนการหยิบยกเคลื่อนย้าย พยายามหลีกเลี่ยงการจับบริเวณที่มีความเปราะบางแตกหักง่ายหรือบริเวณที่มีการเชื่อมต่อโลหะไว้ หลีกเลี่ยงการแตะบริเวณที่มีการเขียนสี

๒. ควรสวมถุงมือผ้าในการหยิบยกเคลื่อนย้าย เนื่องจากมือมักจะมีคราบเหงื่อและไขมัน ทำให้เกิดรอยนิ้วมือรอยเปื้อนบนวัตถุได้และก่อให้เกิดความเสื่อมสภาพในเวลาต่อมา ควรใช้ถุงมือสีขาว เนื่องจากสังเกตได้ง่ายว่าถุงมือสะอาดหรือไม

๓. ควรใช้มือทั้งสองข้างรองรับน้ำหนักของวัตถุไม่ว่าวัตถุจะมีน้ำหนักเบาก็ตาม ลักษณะการรองรับควรใช้มือข้างหนึ่งจับตรงบริเวณที่มีความมั่นคงแข็งแรง ไม่เปราะหักง่ายและมืออีกข้างหนึ่งจับในลักษณะประคองไว้ไม่ให้เสียความสมดุลย์ หลีกเลี่ยงการหยิบยกในลักษณะที่หิ้ว

๔. การเคลื่อนย้ายวัตถุสำริดจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่ง ควรใช้รถเข็น หากวัตถุนั้นมีน้ำหนักไม่มากนัก ควรจัดหาถาดหรือตระกร้าแต่ต้องมีวัสดุนุ่มรองรับข้างใต้เพื่อป้องกันการกระแทก เช่น โฟม ฟองน้ำ แผ่นพลาสติกกันกระแทก

๕. หลีกเลี่ยงการเคลื่อนย้ายวัตถุจำนวนมากในคราวเดียวกัน และควรมีวัสดุห่อหุ้มวัตถุเพื่อป้องกันการเสียดสีระหว่างกัน เช่น การใช้ผ้าฝ้ายสีขาวที่ซักแล้ว กระดาษสา กระดาษทิชชู พลาสติกกันกระแทก

๖. จัดกำลังคนที่ต้องใช้ในการเคลื่อนย้ายให้พอเหมาะกับน้ำหนักและปริมาณของวัตถุ

๗. มีการวางแผนไว้ล่วงหน้า หยิบยกเคลื่อนย้ายด้วยความระมัดระวัง ไม่รีบร้อนจนเกินเหตุที่อาจทำให้วัตถุเกิดการพลัดหล่นหรือสะดุดขาผู้ปฏิบัติงานจนเกิดการหกล้มเป็นเหตุให้วัตถุเกิดการแตกหัก หรือบุบเบี้ยว

๘. วัตถุที่มีรูปทรงสูง ต้องเคลื่อนย้ายในแนวนอน หากจำเป็นต้องเคลื่อนย้ายในแนวตั้ง ต้องแน่ใจว่ามีการประคองด้วยความมั่นคง

๙. ควรหยิบยกให้น้อยครั้งที่สุดเท่าที่จำเป็นเนื่องจากมิอาจคาดเดาได้ว่าจะเกิดอุบัติเหตุเมื่อใดกับวัตถุขณะทำการเคลื่อนย้าย

๑๐. ขณะเคลื่อนย้ายสำริด ควรถอดเครื่องประดับที่ทำด้วยโลหะออกจากตัว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นาฬิกา แหวน กำไล หัวเข็มขัด กระดุม ฯลฯ เพื่อหลีกเลี่ยงรอยขีดข่วนบนสำริด

ข้อควรระวังในการเก็บรักษาและจัดแสดง

สำริดทำปฏิกิริยากับความชื้นและก๊าซต่างๆในอากาศแล้วเกิดเป็นสนิมชนิดต่างๆได้เร็วมาก ดังนั้นจึงควรป้องกันการเกิดสนิมดังกล่าว โดยเก็บรักษาหรือจัดแสดงในที่แห้งๆโดยเฉพาะอย่างยิ่งวัตถุที่ได้จากการขุดค้นทางโบราณคดีหรือวัตถุสำริดที่มีสนิมกัดกร่อนเกิดขึ้นแล้ว แต่ยังไม่ได้รับการอนุรักษ์ โดยทั่วไปวัตถุประเภทโลหะควรเก็บในบริเวณที่มีความชื้นสัมพัทธ์ ๓๐% จะช่วยป้องกันการเกิดสนิมได้เป็นอย่างดีแต่เนื่องจากประเทศไทยตั้งอยู่ในเขตร้อนชื้น จึงเป็นการยากที่จะควบคุมระดับความชื้นให้ต่ำมากๆได้ วัตถุสำริดควรเก็บอยู่ในที่ที่มีความชื้นสัมพัทธ์ไม่เกิน ๕๕% ดังนั้นจึงมีความจำเป็นต้องใช้สารดูดความชื้นภายในตู้จัดแสดงหรือตู้ที่จัดเก็บวัตถุ สารดูดความชื้นมีหลายชนิด เช่น แคลเซียมคลอไรด์ ซิลิกาเจล สารดูดความชื้นที่หาซื้อได้ง่ายและเป็นที่นิยมใช้คือ ซิลิกาเจล โดยจะต้องใช้ซิลิกาเจลปริมาณพพอเหมาะ จึงจะสามารถควบคุมความชื้นได้อย่างมีประสิทธิภาพ เช่น หากต้องการรักษาระดับความชื้นให้ต่ำกว่า ๕๐% ควรใช้ซิลิกาเจลอย่างน้อย ๔-๕ กิโลกรัมต่อปริมาตร ๑ ลูกบาศก์เมตร และควรต้องหมั่นเปลี่ยนซิลิกาเจล เมื่อเครื่องวัดความชื้นอ่านค่าความชื้นเกิน ๕๐% หรือหากใช้ซิลิกาเจลที่มีสีอยู่ในตัวเอง ควรเปลี่ยนซิลิกาเจลเมื่อสีของซิลิกาเจลเปลี่ยนจากสีน้ำเงินอมม่วงไปเป็นสีม่วงอมชมพู เพราะแสดงว่าซิลิกาเจลนั้นๆ ดูดความชื้นไว้ในตัวเองมากจนไม่สามารถดูดความชื้นที่เพิ่มขึ้นได้อีก ซิลิกาเจลที่เปลี่ยนสีแล้วสามารถนำไปอบให้ร้อน เพื่อไล่ความชื้นออกและนำกลับมาใช้ได้อีก

การเก็บรักษาวัตถุสำริดควรเก็บในภาชนะหรือบรรจุภัณฑ์ที่ปิดได้มิดชิด เช่น ตู้ กล่อง ถุงพลาสติก ฯลฯ เพื่อป้องกันก๊าซต่างๆ ที่มาสัมผัสกับวัตถุ วัตถุที่มีขนาดเล็กอาจเก็บในถุงโพลีเอทธีลีน (polyathylene) ที่มีซิปปิดถุง ซึ่งสามารถป้องกันทั้งความชื้นและก๊าซได้พอสมควร โดยไม่ทำให้เกิดสนิมเพิ่มขึ้น หรืออาจป้องกันความชื้นและก๊าซที่จะสัมผัสกับวัตถุโดยการทาสารเคลือบผิวประเภทอะคริลิคที่มีคุณสมบัติเหมาะสม

จบ TIP ที่ 4 ครับ

ขอขอบคุณ: พิพิธภัณฑ์เหรียญที่ระลึกไทย (www.thaimedals.com)
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:15 pm

Coolhei เขียน:ขอเสริมนิดนึง..


อันมีประสบการณ์จากการอยู่ในวงการพระเครื่องมาสมัยนึง

เนื้อดิน เนื้อชิน เนื้อผง และเหรียญและรูปหล่อ-เหรียญหล่อ

ที่ปลอมกันง่ายที่สุดก้อจะเป็นเนื้อดิน - เนื้อผง - เนื้อชิน ( ใช้ชินเก่ามาปลอม )

เหรียญ -ยากที่สุดก้อจะเป็นพวก หล่อ ( แต่ก้อดูง่ายเหมือนกันว่าปลอม )

***เข้าประเด็น***

เหรียญตามทิป ที่อาจารย์บอก ก้อถือว่าดีมากในการพิจารณา ( ดีเยี่ยม )

แต่ปัจจูบัน มีของในตลาดเพื่อการซื้อหา หรือเช่า น้อยลงไปทุกที ( เข้ารังหมด )

1. ถ้าเป็นเรื่องบล็อก สมัยก่อนใช้วิธี ถอดพิมพ์ ข้อเสียเยอะ เช่น ลายไม่คม เหรียญนูน

ขอบไม่สมบูรณ์ มีรอยถอดบล็อก เหรียญหดคือมีขนาดเล็กลงถ้าไม่นำบล้อกยางที่ถอดพิพม์

ไปแช่น้ำมันให้ได้ขนาดซะก่อนแล้วจึงไปทำบล๊อกเหล็ก ปัจจุบัน ใช้วิธี สแกนเหรียญ

ทำให้แทบไม่ต้องส่องเลย เป๊ะ ๆ ต้องพิจารณา อย่างอื่นประกอบ

2.สนิมเหรียญ ถ้าเป็นเหรียญเก่า โดยไม่มีการขัดถู อย่างไร ก้อต้องมี สนิมของโลหะนั้น ๆ อยู่

การปลอมแต่ก่อนใช้สารเคมีบางอย่างแช่ หรือทา ทำให้เกิดสนิมของโลหะ ของแต่ละชนิดได้

ปัจจุบัน ใช้วิธี หาโลหะเก่า ๆ ของชนิดของเหรียญที่จะทำมาหลอมใหม่แล้วใส่สาร............

เพื่อเร่งปฏิกิริยาให้เกิดสนิมเร็วขึ้น แล้วนำไปอาบคาร์บอน อีกที หากจะมีการเช็คอายุโลหะ

3.ขอบเหรียญ ไม่ว่าเป็นเหรียญที่มาจากการปั๊ม หรือตัดบล๊อก ให้เราหาจุดตายของขอบเหรียญ

นั้น ๆ สมมุตฺคืออาจจะจำว่ามุมบนหน้าเหรียญ ที่ขอบมีรอยเฟือง 3 รอยเล็ก 1 รอยใหญ่ มันก้อต้อง

มีเหมือนๆ กันทุกเหรียญ เพราะมาจากบล๊อกเดียวกัน ถ้าเป็นการตัด รอยตัดที่ขอบเหรียญก้อต้องมี

เหมือนกันทุกเหรียญ ขอบแตกใช้วิธีฉีด ไนโตรเจนเหลว แล้วใช้คีมหรือเครื่องจับ บิ ให้แตก

4. เนื้อและความหนา อันนี้ต้องใช้ประสบการณ์ของผู้ซื้อเอง คือต้องเจอหรือได้สัมผัสบ่อย ๆ

5. จุดตาย อันนี้แน่และชัวร์ ว่าสมัยนึงไม่สามารถทำได้ แต่ปัจจุบันนี้ ผู้ปลอมจะทำการปลอม

เหรียญเพื่อปล่อยเป็นราย ๆ ไป เช่น ถ้ารู้ว่าผู้ซื้อแม่นหรือเก่งเรื่องการดูเหรียญอย่างใดอย่างหนึ่ง

หรือ 2- 3 อย่าง ก้อจะพยายามปลอมจุดนนั้นให้เนียนที่สุด

อาจจะเป็นประโยชน์บ้างไม่มากก้อน้อย และขอรับคำติชม ทุกประการ ^+


สุดยอดครับ คุณจิม...ถือเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์มากๆ !& !& !&
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:21 pm

TIP ที่ 5

เรื่องความหนาของเหรียญ...

เซียนเท่านั้นที่จะรู้...

จริงหรือ?

ไม่จริงครับ

คราวนี้ใครๆ ที่เข้ามากระทู้นี้

ก็รู้เท่ากันล่ะครับ!!!


เท่าที่ผ่านตาจากประสบการณ์ ความหนาของขอบเหรียญแท้จะหนากว่า และงานเรียบร้อยกว่า ไม่มีรอยบุ๋ม ไม่มีตามด ไม่มีรอยเจียร กลมสม่ำเสมอ เนื้อเนียน ไม่หยาบเมื่อลูบตามขอบ

คราวนี้ลองมาดูรูปเปรียบเทียบกันแบบ จะ จะ ของความหนาระหว่างเหรียญแท้กับเหรียญปลอม

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:22 pm

น้ำมะเน็ด เขียน:เห็นชัดๆเลย ว่าขนาดแตกต่างมาก

บางทีถ้าเอาตาชั่งมาชั่งดูก็พอจะเช็ค น้ำหนักได้ เพราะเหรียญจริงออกมาจากบล็อกเดียวกัน

น้ำหนักน่าจะเท่าๆกัน

เหมือนพวกพดด้วง ถ้าไม่แน่ใจ จับชั่งน้ำหนัก ของเก๊น้ำหนักจะเพี้ยนไปเยอะ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:23 pm

น้ำมะเน็ด เขียน:เห็นชัดๆเลย ว่าขนาดแตกต่างมาก

บางทีถ้าเอาตาชั่งมาชั่งดูก็พอจะเช็ค น้ำหนักได้ เพราะเหรียญจริงออกมาจากบล็อกเดียวกัน

น้ำหนักน่าจะเท่าๆกัน


เหมือนพวกพดด้วง ถ้าไม่แน่ใจ จับชั่งน้ำหนัก ของเก๊น้ำหนักจะเพี้ยนไปเยอะ


ใช่ครับ!!!
การชั่งถือว่าเป็นการพิสูจน์เหรียญจริงเหรียญปลอมที่ดีที่สุดขั้นตอนหนึ่งเลยทีเดียว


รูปภาพ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:24 pm

TIP สุดท้ายแล้วครับ

จุดตาย

TIP นี้ผมจะลงแต่รูปแล้วให้เพื่อนๆ ชาวโค๊กไทย โพสอธิบายไปเรื่อยๆ "แบบว่าขอเป็นคนอ่านบ้างก็แล้วกันนะครับ"


รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ

รูปภาพ
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:26 pm

kandahar เขียน:ทิปที่ ๖

อักษรซ่อนหรือโค้ดผู้ผลิต


เหรียญกษาปณ์และเหรียญที่รฦกจำนวนมากของสยามส่วนหนึ่งมักสั่งมาจากต่างประเทศ

ผู้ผลิตซึ่งโดยมากอยู่ในประเทศอังกฤษบ้าง ฝรั่งเศสบ้าง

มักมีการใส่อักษรซ่อนหรือโค้ดผู้ผลิตไว้ โดยจงใจให้เป็นส่วนหนึ่งขององค์ประกอบเหรียญ

เท่าที่พบบ่อยมี ๒ ลักษณะ

อย่างหนึ่งหนึ่งคือ อักษรนั้นแยกออกจากภาพบุคคลหรือภาพหลักของเหรียญ

เช่น เหรียญดุษฏีมาลา เหรียญประพาสมาลา เหล่านี้ ตัวอักษรจะแยกออกมาอย่างชัดเจน

อย่างหนึ่งคือ อักษรซ่อนหรือโค้ดผู้ผลิตถูกทำให้เป็นส่วนหนึ่งและทับซ้อน

ติดกันกับภาพบุคคลหรือภาพหลักของเหรียญไปเลย แยกส่วนไม่ได้

เช่น เหรียญฉลองวัดพระศรีรัตนศาสดาราม หรือเหรียญหอพระสมุดวชิรญาณ

เหรียญเหล่านี้มีอักษรซ่อนว่า เบนซอน อันหมายถึงห้างเบนซัน ลอนดอน ประเทศอังกฤษ


ลักษณะเหล่านี้นี่เองที่กลายมาเป็นจุดตายประการสำคัญ ในการพิจารณาความแท้-เก๊

โดยเหรียญแท้นั้น อักษรซ่อนหรือโค้ดผู้ผลิตจะมีความคมชัดเป็นอย่างยิ่ง อ่านออกได้ว่า

ตัวอักษรใดเป็นอักษรใด มีความคมชัด ไม่เบลอเป็นอันขาดแม้จะถูกสร้างมาเป็นเวลานาน

หรือแม้จะถูกประดับอย่างเครื่องราชอิสริยาภรณ์ก็ตาม

เพราะเหตุว่า อักษรซ่อนเหล่านี้ มักถูกวางอยู่ในตำแหน่งที่ไม่ถูกสัมผัส

มีการขัดถูและสึกกร่อนน้อย อันเนื่องมาจากการวางตำแหน่งที่จะต้องไม่รบกวน

หรือทำให้เกิดความขัดตาต่อภาพบุคคลหรือภาพองค์ประกอบหลักของเหรียญนั่นเอง

เรียกได้ว่า ความคมชัดอ่านออก เป็นจุดตายประการหนึ่งซึ่งพบในเหรียญแท้


ในขณะที่เหรียญเก๊ ซึ่งโดยมากมักทำโดยการถอดพิมพ์จากเหรียญแท้อย่างหนึ่ง

หรือการใช้บล็อคคอมพิวเตอร์อย่างหนึ่ง การถอดพิมพ์องค์ประกอบหลักอาจทำได้ในระดับดี

แต่ทว่า การถอดอักษรซ่อนเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทำได้ยากมาก

เพราะตำแหน่งการวางอักษรซ่อนทำให้ถอดพิมพ์ได้ยาก

หรือถ้าถอดออกมาแล้วก็เบลอ ไม่ใหญ่เกินไปก็เล็กเกินไป

หนักเข้าก็กลายเป็นเส้น ๆ ขีด ๆ อ่านไม่ออกไปเลยก็มี ซึ่งผู้จะขายมักบอกว่า มันสึกไปตามกาลเวลา

เรียกได้ว่า ข้อความเบลอ เลอะ หนาหรือบางเกินไป อักษรอ่านไม่ออก ขาดหาย อักษรผิดรูป

เป็นจุดตายประการนี้ของเหรียญเก๊ทั้งหลายครับ



ควรไม่ควรแล้วแต่อาจารย์พฤฒิพลจะกรุณาครับ


ขอคารวะครับ !& !& !&

ถ้า TIP สุดท้ายนี้ มิได้รับความกรุณาจากพี่ kandahar ในการอธิบายเชิงอรรถรส ว่าด้วยเรื่อง"จุดตาย" ผมเชื่อแน่ว่ากระทู้นี้ก็จบลงได้...แต่...ไม่บริบูรณ์เฉกเช่นนี้ครับท่าน

(ปล. จริงๆ แล้ว อยากพิมพ์ชื่อจริงของพี่ kandahar ลงไป เพื่อให้เครดิตในความกรุณาของพี่ท่าน แต่เกรงว่าจะเหมาะ เนื่องจากเจ้าตัวยังมิได้อนุญาตน่ะครับ)
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

Re: TIPs การดูเหรียญปลอม เหรียญของเล่น เหรียญเก๊

โพสต์โดย mykeawja » พฤหัสฯ. ก.ย. 24, 2009 2:28 pm

Coolhei เขียน:อีกนิดนึง ดูลึก ๆ คือ ส่องดูรายละเอียดในส่วนที่ลึกสุดของเหรียญที่มีตำหนิหรือโค๊ดอยู่

ถ้าเป็นคนเล่นเหรียญหรือเล่นพระ ขอแนะว่า ท่านมีกล้องส่องอยู่แล้ว ลงทุนซื้อตัวดี ๆ

สักตัวหนึ่ง พิจารณา ด้วยความไม่โลภ ขอให้นึกก่อนที่จะส่องหรือพิจารณา ว่า

" ของทีท่านกำลังถืออยู่นั้นเป็นของปลอม แล้วค่อย ๆไล่รายละเอียดของเหรียญนั้น ๆ

ตามทิปที่ละข้อ หากหลุดจากข้อใดข้อหนึ่ง ก้อขอให้ตัดใจไม่เช่า ไม่เล่น อย่าไปสนใจมันอีก

เพราะมันอาจจะจำติดตา ทำให้พลาดไปได้ เวลาไปดูเหรียญอื่น "





ความรู้ดีๆ แบบนี้ ต้องขอขอบคุณ คุณจิม Coolhei ครับ !& !& !&

ใช่แล้วครับ กรุณาจำ TIP ของคุณจิมให้ขึ้นใจ

สิ่งแรกที่ต้องตั้งสติคือ "สิ่งที่หยิบขึ้นมาส่องอยู่นั้น เป็นของปลอม"

อันนี้จำขึ้นใจได้เลย...ครับท่าน!!!

เพราะถ้าสติเราหลุดและบอกตัวเองด้วยความโลภเพราะอยากฟันกำไรในอนาคตว่า "สิ่งที่เห็นและหยิบขึ้นมานี้เป็นของแท้ แน่แท้"

ใจของเรา มันก็จะหาเหตุผลมาอธิบายความแท้แบบลวงลวงจนได้ล่ะครับ

ดังนั้น อย่าหลงและอย่าโลภ อย่าเข้าข้างตัวเองเป็นอันขาด

ถ้าสงสัย ให้บอกตัวเองว่าปลอมไว้ก่อนอย่างที่คุณจิมบอก แล้วอย่าเสียดายมัน

ถ้ามันจริง สมัยนี้ มันไปนานแล้วครับ ไม่หลุดมานอนบนถาดให้เขี่ยแกร่กๆ อย่างเแน่นอน

คนจับของ คนที่ไปเหมากรุ ไม่มีใครโง่ ยกเว้นแกล้งโง่ (ขออนุญาตพูดตรงๆ ไม่อยากให้โดนหลอก)

ยุคนี้ สมัยนี้ ข้อมูลมันถึงกัน เรียนรู้กันง่ายกว่าแต่ก่อนเยอะ ของแท้จึงโดนฉกไปตั้งแต่เปลี่ยนมือแรกแล้วครับ ขอย้ำ!!! อย่าหวังว่าฟลุ๊ค ไปเจอนอนแอ้งแม้งอยู่บนถาดสังกะสีหรืออีนาเมลอีกเลย
"ถ้าแผ่นดินแรกที่ตั้งไข่ย่ำ เป็นผืนเดียวกับแผ่นดินสุดท้ายที่ดินกลบหน้า...จงกตัญญูต่อแผ่นดินเกิด"

http://www.siamflag.org
http://www.talkingmachine.org

รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
mykeawja
RETRO SOCEITY
RETRO SOCEITY
 
โพสต์: 1569
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 08, 2009 5:12 pm
ที่อยู่: พฤฒิพล ประชุมผล ณ FACEBOOK

ต่อไป

ย้อนกลับไปยัง Coin Bank-Note Books & Card

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิกใหม่ และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน

cron